ปลูกผมทำยังไง?

Table of Contents

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.Lorem ipsum dolor sit amet consectetur adipiscing elit dolor

ในยุคนี้สมัยนี้ใคร ๆ ก็อยากที่จะดูดีทุกมุมมองกันทั้งนั้น คงไม่มีใครที่อยากจะถูกถ่ายรูปแบบเผลอ ๆ แล้วต้องมาหมดความมั่นใจเพราะรูปนั้นเห็นปัญหาผมบางศีรษะล้านที่ชัดเจน และในปัจจุบันนี้ใคร ๆ ก็มีปัญหาหนังศีรษะได้ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้น ในผู้หญิงก็มีปัญหาผมบางหรือหน้าผากกว้างได้เช่นกันที่อาจทำให้รวบผมไม่ได้เพราะหน้าผากที่กว้างจนเกินไป อันเนื่องมาจากสาเหตุต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ฮอร์โมนในร่างกาย การรวบผมที่แน่นตึงบ่อย ๆ รวมถึงสารเคมีและมลภาวะต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมได้ ในระยะแรก ๆ การดูแลรักษาด้วยการกินยาหรือการบำรุงต่าง ๆ จะยังช่วยได้อยู่ แต่ถ้าอยู่ในจุดที่เส้นผมมันหายไปแล้วล่ะ? เราสามารถทำอย่างไรได้บ้างที่จะทำให้ตรงนั้นกลับมามีเส้นผมใหม่อีกครั้ง?

วันนี้หมอจะพามารู้จักการปลูกผมกันครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฟังเหมือนจะน่ากลัว แต่จริง ๆ แล้วไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลย

การปลูกผม ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย หลัก ๆ แล้วมี 2 ประเภทแยกตามวิธีการนำเส้นผมจากด้านหลังศีรษะออกมา คือ

วิธีที่ 1 Follicular Unit Transplantation (FUT หรือ FU-strip) คือ การปลูกผมโดยการกรีดเอาหนังศีรษะออกมาส่วนหนึ่งจากด้านหลังของศีรษะที่เรียกว่า donor area โดยจะเป็นชิ้นขนาดไหนขึ้นกับหลาย ๆ ปัจจัย เช่น จำนวนผมที่ต้องการใช้ ความยืดหยุ่นของหนังศีรษะ เป็นต้น เส้นผมจากชิ้นส่วนหนังศีรษะนั้นจะถูกนำมาหั่นแยกออกมาเป็นกอ ๆ เรียกว่า “กราฟต์” หรือ “กราฟต์ผม” ที่จะถูกนำไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการต่อไป วิธีนี้สามารถนำกราฟต์ผมออกมาได้เป็นจำนวนมากในแต่ละครั้ง อาจมากถึง 4,000 กราฟต์เลยทีเดียว แต่วิธีจะทิ้งแผลเป็นยาวไว้ที่ด้านหลังศีรษะที่อาจไม่สามารถไว้ผมด้านหลังสั้น ๆ ได้ แผลที่เกิดจากการกรีดนี้ก็ต้องมีการเย็บปิดแผลและการตัดไหม ทำให้มีระยะพักฟื้นที่นานพอสมควร

วิธีที่ 2 Follicular Unit Excision (FUE) คือ การปลูกผม โดยการเจาะดึงเอาผมจากด้านหลังของศีรษะเป็นกอ ๆ เป็นแผลกลม ๆ ตามจำนวนที่ต้องการ กราฟต์ผมที่ได้เหล่านั้นก็จะถูกนำไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการต่อไป ในปัจจุบันวิธีนี้มีการพัฒนาเพื่อให้แผลมีขนาดที่เล็กลงและให้ผลลัพธ์การปลูกผมมีความสวยงามเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นเรียกว่าเทคนิค DHI (Direct Hair Implantation) โดยขั้นตอนพื้นฐานยังมีลักษณะแบบ FUE แต่จะมีในขั้นตอนการตบแต่งนำเนื้อเยื่อส่วนเกินออกจากกราฟต์ผมทำให้ได้กราฟต์ผมที่ลักษณะผอมเพรียวมากขึ้น และทำการปลูกด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า DHI Implanter ที่จะช่วยให้มีการควบคุมทิศทางของผมที่ปลูกให้อยู่ในทิศทางเดียวกันกันกับผมรอบข้างได้ง่ายขึ้นและปลูกได้หนาแน่นมากขึ้นกว่าวิธีการปลูกแบบดั้งเดิม เมื่อเปรียบเทียบกับ FUT วิธีนี้จะได้จำนวนกราฟต์ผมที่น้อยกว่า แต่แผลกลม ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นนั้นไม่มีการเย็บปิดแผลทำให้มีระยะการพักฟื้นที่สั้นกว่า โดยเฉพาะแบบ DHI ที่แผลแต่ละมีขนาดเส้นผ่านศูนย์ไม่ถึง 1 มิลลิเมตรก็จะยิ่งฟื้นตัวไวขึ้น และแน่นอนว่าจะไม่ทิ้งแผลเป็นเป็นทางยาวไว้ที่ด้านหลังศีรษะ

จะเห็นว่าการปลูกผมทั้งสองวิธีมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันครับ ดังนั้นควรศึกษาหาข้อมมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนและปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ก่อนที่การตัดสินใจ เพื่อให้การปลูกผมนั้นเป็นการเพิ่มความมั่นใจมากกว่าการทำลายความมั่นใจนั่นเองครับ

ในยุคนี้สมัยนี้ใคร ๆ ก็อยากที่จะดูดีทุกมุมมองกันทั้งนั้น คงไม่มีใครที่อยากจะถูกถ่ายรูปแบบเผลอ ๆ แล้วต้องมาหมดความมั่นใจเพราะรูปนั้นเห็นปัญหาผมบางศีรษะล้านที่ชัดเจน และในปัจจุบันนี้ใคร ๆ ก็มีปัญหาหนังศีรษะได้ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้น ในผู้หญิงก็มีปัญหาผมบางหรือหน้าผากกว้างได้เช่นกันที่อาจทำให้รวบผมไม่ได้เพราะหน้าผากที่กว้างจนเกินไป อันเนื่องมาจากสาเหตุต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ฮอร์โมนในร่างกาย การรวบผมที่แน่นตึงบ่อย ๆ รวมถึงสารเคมีและมลภาวะต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมได้ ในระยะแรก ๆ การดูแลรักษาด้วยการกินยาหรือการบำรุงต่าง ๆ จะยังช่วยได้อยู่ แต่ถ้าอยู่ในจุดที่เส้นผมมันหายไปแล้วล่ะ? เราสามารถทำอย่างไรได้บ้างที่จะทำให้ตรงนั้นกลับมามีเส้นผมใหม่อีกครั้ง?

วันนี้หมอจะพามารู้จักการปลูกผมกันครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฟังเหมือนจะน่ากลัว แต่จริง ๆ แล้วไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลย

การปลูกผม ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย หลัก ๆ แล้วมี 2 ประเภทแยกตามวิธีการนำเส้นผมจากด้านหลังศีรษะออกมา คือ

วิธีที่ 1 Follicular Unit Transplantation (FUT หรือ FU-strip) คือ การปลูกผมโดยการกรีดเอาหนังศีรษะออกมาส่วนหนึ่งจากด้านหลังของศีรษะที่เรียกว่า donor area โดยจะเป็นชิ้นขนาดไหนขึ้นกับหลาย ๆ ปัจจัย เช่น จำนวนผมที่ต้องการใช้ ความยืดหยุ่นของหนังศีรษะ เป็นต้น เส้นผมจากชิ้นส่วนหนังศีรษะนั้นจะถูกนำมาหั่นแยกออกมาเป็นกอ ๆ เรียกว่า “กราฟต์” หรือ “กราฟต์ผม” ที่จะถูกนำไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการต่อไป วิธีนี้สามารถนำกราฟต์ผมออกมาได้เป็นจำนวนมากในแต่ละครั้ง อาจมากถึง 4,000 กราฟต์เลยทีเดียว แต่วิธีจะทิ้งแผลเป็นยาวไว้ที่ด้านหลังศีรษะที่อาจไม่สามารถไว้ผมด้านหลังสั้น ๆ ได้ แผลที่เกิดจากการกรีดนี้ก็ต้องมีการเย็บปิดแผลและการตัดไหม ทำให้มีระยะพักฟื้นที่นานพอสมควร

วิธีที่ 2 Follicular Unit Excision (FUE) คือ การปลูกผม โดยการเจาะดึงเอาผมจากด้านหลังของศีรษะเป็นกอ ๆ เป็นแผลกลม ๆ ตามจำนวนที่ต้องการ กราฟต์ผมที่ได้เหล่านั้นก็จะถูกนำไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการต่อไป ในปัจจุบันวิธีนี้มีการพัฒนาเพื่อให้แผลมีขนาดที่เล็กลงและให้ผลลัพธ์การปลูกผมมีความสวยงามเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นเรียกว่าเทคนิค DHI (Direct Hair Implantation) โดยขั้นตอนพื้นฐานยังมีลักษณะแบบ FUE แต่จะมีในขั้นตอนการตบแต่งนำเนื้อเยื่อส่วนเกินออกจากกราฟต์ผมทำให้ได้กราฟต์ผมที่ลักษณะผอมเพรียวมากขึ้น และทำการปลูกด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า DHI Implanter ที่จะช่วยให้มีการควบคุมทิศทางของผมที่ปลูกให้อยู่ในทิศทางเดียวกันกันกับผมรอบข้างได้ง่ายขึ้นและปลูกได้หนาแน่นมากขึ้นกว่าวิธีการปลูกแบบดั้งเดิม เมื่อเปรียบเทียบกับ FUT วิธีนี้จะได้จำนวนกราฟต์ผมที่น้อยกว่า แต่แผลกลม ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นนั้นไม่มีการเย็บปิดแผลทำให้มีระยะการพักฟื้นที่สั้นกว่า โดยเฉพาะแบบ DHI ที่แผลแต่ละมีขนาดเส้นผ่านศูนย์ไม่ถึง 1 มิลลิเมตรก็จะยิ่งฟื้นตัวไวขึ้น และแน่นอนว่าจะไม่ทิ้งแผลเป็นเป็นทางยาวไว้ที่ด้านหลังศีรษะ

จะเห็นว่าการปลูกผมทั้งสองวิธีมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันครับ ดังนั้นควรศึกษาหาข้อมมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนและปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ก่อนที่การตัดสินใจ เพื่อให้การปลูกผมนั้นเป็นการเพิ่มความมั่นใจมากกว่าการทำลายความมั่นใจนั่นเองครับ

Facebook
Twitter
LinkedIn
Facebook
Twitter
LinkedIn
Share the Post:

Related Posts

Rejuvenation Therapy

การดูแลตัวเอง ก่อน-หลัง ปลูกผม

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะปลูกผม สิ่งแรกที่ต้องทราบเลยก็คือ ก่อนปลูกผมต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพื่อให้การปลูกผมดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด รวมไปถึงหลังปลูกผมเราต้องดูแลอย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพ และตรงตามความต้องการของคนไข้ให้มากที่สุด เ

Read More

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ครับ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์

    ซึ่งเป็นคุกกี้ประเภทที่จดจำสิ่งที่ผู้ใช้บริการเลือกหรือตั้งค่าบนเว็บไซต์เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ภาษา ฟ้อนต์และรูปแบบการนำเสนอ ข้อมูลต่าง ๆ ที่ตรงความต้องการเฉพาะบุคคลให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้นตามการตั้งค่าที่เลือกไว้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

Save