ปลูกผมถาวร ผมที่ปลูกอยู่ถาวรหรือเปล่า ?

Table of Contents

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.Lorem ipsum dolor sit amet consectetur adipiscing elit dolor

สาเหตุปัญหาศีรษะล้านเถิก

พันธุกรรมเป็นสาเหตุของศีรษะล้านมากที่สุดมากถึงร้อยละ 95 ของผู้ที่มีอาการหัวล้านทั้งหมด เพราะว่าการที่ รากผม จะแข็งแรงหรือไม่สมารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรมจากพ่อแม่สู่ลูกได้ ดังนั้นหากต้องการทราบว่าตนเองมีความเสี่ยงที่จะหัวล้านหรือไม่ให้สังเกตจากบรรพบุรุษว่ามีใครหัวล้านหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าคุณมีความเสี่ยงในการที่จะมีศีรษะล้านได้ การที่หัวล้านจากกรรมพันธุ์เนื่องจากภายในร่างกายได้รับฮอร์โมน DHT ในปริมาณที่สูง ฮอร์โมน DHT เมื่อมีมากจะส่งผลให้รากผมอ่อนแอและมีขนาดที่เล็กลง ส่งผลให้เส้นผมมีอายุที่สั้นและเส้นผมที่งอกออกมาใหม่ก็มีขนาดเล็กลงหรือเป็นเพียงแค่ไรผมเท่านั้น ส่วนปัญหาศีรษะล้านจากสาเหตุอื่นๆ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการหัวล้านได้ ซึ่งอาการหัวล้านที่พบได้บ่อยมักเป็นอาการของผมร่วงเป็นหย่อม(Alopecia Areata) อาการหัวล้านแบบนี้มีโอกาสที่พบได้เพียงร้อยละ 5 % เท่านั้น ซึ่งสาเหตุของอาการหัวล้านนี้มักเกิดจากต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Toxic goiter) ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย (Hypothyroidism) ภาวะหลังคลอดบุตรในผู้หญิง ความเครียด โรคเบาหวาน หรือผลข้างเคียงจากการใช้ยาเพื่อรักษาโรคบางชนิด เช่น โรคมะเร็ง เป็นต้น

การปลูกผมถาวรคืออะไร ?

การปลูกผม คือ การนำรากผมที่มีความแข็งแรงสมบูรณ์มาปลูกในบริเวณที่ไม่มีเส้นผมแล้ว ซึ่งการรากผมที่นิยมนำมาปลูกมักจะเป็นรากผมจากบริเวณท้ายทอย เนื่องจากรากผมบริเวณดังกล่าวจะมีความแข็งแรงสมบูรณ์และมีอายุมากกว่ารากผมบริเวณอื่นมาก จึงนำรากผมจากส่วนท้ายทอยมาปลูกทดแทนส่วนของรากผมที่อ่อนแอจนไม่มีเส้นผมงอกขึ้นมาแล้ว ซึ่งการรักษาอาการศีรษะล้านด้วยการ การปลูกผม นับว่าเป็นวิธีที่ดีและช่วยแก้ไขปัญหาศีรษะล้านได้อย่างถาวร เนื่องจาก

1. ทนทานต่อฮอร์โมน DHT

รากผมที่บริเวณท้ายทอยมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ได้มากกว่าปกติ ซึ่งจะสังเกตได้จากคนที่มีปัญหาศีรษะล้านเนื่องจากความผิดปกติของฮอร์โมน DHT หรือจากกรรมพันธุ์ส่วนมากจะล้านที่บริเวณกลางศีรษะ แต่เส้นผมที่บริเวณท้ายทอยจะคงอยู่เหมือนเดิม จึงกล่าวได้ว่ารากผมที่บริเวณท้ายทอยเป็นรากผมที่มีความแข็งแรงทนทานมากที่สุด เมื่อนำไปปลูกทดแทนรากผมที่บริเวณกลางศีรษะ รากผมและเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่ย่อมมีความแข็งแรงทนทานเช่นเดียวกัน โอกาสที่รากผมจะอ่อนแอจนกลับมามีปัญหาศีรษะล้านมีความเป็นไปได้น้อยมากหรือแทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลยก็ว่าได้

2. อายุยืน

รากผมที่แข็งแรงจะสามารถสร้างเส้นผมได้ประมาณ 20 รอบตลอดอายุของรากผม ซึ่งวงจรชีวิตของเส้นผม 1 รอบจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6-10 ปี เส้นผมจึงจะหลุดร่วงไปเองตามธรรมชาติ นั่นหมายความว่าถ้ารากผมที่แข็งแรงจะมีอายุสูงสุดถึง 200 ปีทีเดียว ดังนั้นเมื่อนำรากผมที่บริเวณท้ายทอย ซึ่งเป็นรากผมที่มีความแข็งแรงมากที่สุดบนศีรษะมาปลูกผมแล้ว ย่อมหมายความว่ารากผมที่เกิดขึ้นใหม่จากการปลูกถ่ายจะมีอายุอยู่ต่อไปได้อีกเป็นร้อยปีและเส้นผมที่เกิดจากรากผมก็จะเกิดขึ้นได้ตลอดอายุขัยของรากผมเช่นเดียวกัน

การปลูกผมถาวรในปัจจุบัน

สมัยนี้มีเทคโนโลยีและวิวัฒนาการที่ล้ำสมัยทำให้คนที่มีปัญหาหัวล้านเถิกไม่ต้องกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว
โดยในปัจจุบันมีการปลูกผมด้วยกัน 2 วิธีที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย นั่นคือ  

วิธีที่ 1 FUT หรือ Follicular Unit Transplantation เทคนิคการศัลยกรรมปลูกผม เป็นวิธีที่มีมาก่อน FUE โดยการกรีดเอาชิ้นเนื้อจากหนังศีรษะบริเวณด้านหลังความยาว 10-20 ซ.ม. กว้าง 1-2 ซ.ม. นำมาหั่นเพื่อคัดกรองแยกกราฟต์ แล้วจึงนำกลับไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการ ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่เป็นที่นิยมแล้ว เพราะทำให้เกิดรอยแผลเป็นทางยาวที่ด้านหลังศีรษะ และต้องพักฟื้นเป็นเวลานานถึง 2 สัปดาห์

วิธีที่ 2 DHI (Direct Hair Implantation) เป็นการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค FUE ประเภทหนึ่ง ซึ่งก็คือ มีขั้นตอนการเจาะนำกราฟต์ที่บริเวณท้ายทอย (Donor Area) ออกมาเช่นเดียวกัน แต่ในขั้นตอนการปลูก หากเป็นเทคนิค FUE แบบดั้งเดิมนั้น แพทย์จะต้องใช้เข็มเจาะลงไปบนหนังศีรษะก่อนเพื่อให้เกิดรู แล้วจึงใช้ forceps คีบกราฟต์ผมมาปักลงไปในรอยเจาะนั้น แต่หากเป็นเทคนิค DHI สามารถปัก และปลูกผมได้ภายในครั้งเดียว ด้วยเครื่องมือเฉพาะที่ชื่อว่า DHI Implanter

ปลูกผมถาวร ผมที่ปลูกอยู่ถาวรหรือเปล่า

ปัจจุบันนี้ เรื่องการศัลยกรรมปลูกผมก็ยังคงมีปัญหาอยู่ เพราะคนส่วนมาก ยังขาดข้อมูล และ ไม่กล้าที่จะเข้ามารับการรักษา เพราะจะกลัวว่าผมที่ปลูกใหม่ ที่มันงอกออกมา มันจะอยู่แบบถาวร หรือจะหลุดร่วงอีกหรือไม่..

โดย นายแพทย์ดนัย ธรรมภิบาล แพทย์ผู้เชียญชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ ได้กล่าวไว้ว่า “ในตำราทางการแพทย์นั้น ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน ถึงอายุขัยของเส้นผมหลังการปลูกผมที่แน่นอน ว่าจะอยู่บนหนังศีรษะเราได้ถาวรนานเพียงใด แต่จากประสบการณ์ที่ได้พบเห็นผู้ที่เคยได้รับการรักษาปลูกผมแบบ FUE มาก่อนกับเรา เมื่อผ่านไปหลายปี ผมบริเวณอื่นก็หลุดและร่วงไปตามกาลเวลา ในขณะที่บริเวณที่ปลูกผมใหม่นั้นยังงอกงามอยู่ไม่หลุดร่วงไปไหนเลยครับ” ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ปกติรากผมที่เรานำมาจากท้ายทอย หรือ ส่วนบริจาคจะเป็นผมที่ทนทาน และ ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่า DHT(Dihydrotestosterone ) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาศีรษะล้านจากพันธุกรรม ดังนั้นเมื่อไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าก็จะมีอายุยืนยาวตามปกติของรากผมยังงั้นจนกลายเป็นผมถาวรเพราะปกติรากผมคนเราจะมีวงจรชีวิตที่จะต้องเข้าสู่ระยะพักทุกๆ 6 ถึง 10 ปี และระยะเวลาประมาณ 20 รอบ นั่นแปลว่ารากที่แข็งแรงตามปกติจะต้องมีอายุประมาณ 120 ถึง 200 ปีทั้งนี้แต่ละรอบวงจรขนาด อาจจะเล็กลงไปบ้างซึ่งจะเห็นว่าผมเส้นเล็กลงบ้างตามวัยที่สูงขึ้นดังนั้นล่ะ ผมจากท้ายทอยที่ย้ายมาปลูกก็จะมีอายุตามนั้นเราอาจจะเรียกว่าเป็นผมถาวรก็ย่อมได้เพราะมันอยู่นานเกินกว่าอายุขัยของคนเราเสียอีก หากต้องการทำให้ผมเดิม และผมที่เราปลูกมาอยู่กับให้ยาวนานที่สุด หลังปลูกก็ควรจะได้รับการดูแล แบ่งได้เป็น 3 ส่วน ดังนี้

การดูแลภายนอก

ควรใส่ใจ และดูแลผมอย่างถูกวิธี เช่น การเลือกใช้แชมพูที่ถูกกับลักษณะศีรษะแห้ง-มัน ของตัวเอง / การสระผมอย่างถูกวิธี / ไม่หวีผมในขณะที่ผมยังเปียกอยู่ / ไม่ควรเป่าลมร้อนใกล้ ๆ ผม รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีต่างๆ ไม่ว่าจะย้อมสีผม ดัด หรือกัดสีผม

การดูแลภายใน

การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นสำหรับเส้นผม เช่น โปรตีน วิตามิน ธาตุเหล็ก สังกะสี ฯลฯ รวมไปถึงการรับประทานอาหารเสริม หรือ ยาชนิดที่ดูแลเกี่ยวกับเส้นผม และต่อต้านฮอร์โมน DHT โดยตรงจะช่วยยืดอายุของเส้นผมให้อยู่ยาวนานยิ่งขึ้น

การดูแลเฉพาะที่หนังศีรษะและรากผม

ก่อนการปลูกผม และหลังปลูกผม มีวิธีทางการแพทย์หลายวิธีที่สามารถเลือกใช้ เพื่อไปกระตุ้นให้รากผมเจริญเติบโตแข็งแรง และชะลอสาเหตุที่ทำให้ผมหลุดร่วงได้ตรงจุด เช่น การทำ Plasma Hair PRP เป็นการแก้ปัญหา “ ผมร่วง “ โดยการเจาะเอาเลือดของตัวเอง เพียงจำนวน 10-20 cc ต่อมาจึงนำไปเข้าเครื่องเหวี่ยงสาร แยกเอามาเฉพาะส่วนของน้ำเลือดที่มีเกล็ดเลือด และ Growth Factors ที่มีความเข้มข้นสูงเมื่อฉีดกลับเข้าไปที่บริเวณหนังศรีษะส่วนที่ต้องการรักษา ไปช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและการแบ่งของเซลล์รากผม ให้รากผมฟื้นตัวได้ไว และกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีอีกครั้ 

สาเหตุปัญหาศีรษะล้านเถิก

พันธุกรรมเป็นสาเหตุของศีรษะล้านมากที่สุดมากถึงร้อยละ 95 ของผู้ที่มีอาการหัวล้านทั้งหมด เพราะว่าการที่ รากผม จะแข็งแรงหรือไม่สมารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรมจากพ่อแม่สู่ลูกได้ ดังนั้นหากต้องการทราบว่าตนเองมีความเสี่ยงที่จะหัวล้านหรือไม่ให้สังเกตจากบรรพบุรุษว่ามีใครหัวล้านหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าคุณมีความเสี่ยงในการที่จะมีศีรษะล้านได้ การที่หัวล้านจากกรรมพันธุ์เนื่องจากภายในร่างกายได้รับฮอร์โมน DHT ในปริมาณที่สูง ฮอร์โมน DHT เมื่อมีมากจะส่งผลให้รากผมอ่อนแอและมีขนาดที่เล็กลง ส่งผลให้เส้นผมมีอายุที่สั้นและเส้นผมที่งอกออกมาใหม่ก็มีขนาดเล็กลงหรือเป็นเพียงแค่ไรผมเท่านั้น ส่วนปัญหาศีรษะล้านจากสาเหตุอื่นๆ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการหัวล้านได้ ซึ่งอาการหัวล้านที่พบได้บ่อยมักเป็นอาการของผมร่วงเป็นหย่อม(Alopecia Areata) อาการหัวล้านแบบนี้มีโอกาสที่พบได้เพียงร้อยละ 5 % เท่านั้น ซึ่งสาเหตุของอาการหัวล้านนี้มักเกิดจากต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Toxic goiter) ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย (Hypothyroidism) ภาวะหลังคลอดบุตรในผู้หญิง ความเครียด โรคเบาหวาน หรือผลข้างเคียงจากการใช้ยาเพื่อรักษาโรคบางชนิด เช่น โรคมะเร็ง เป็นต้น

การปลูกผมถาวรคืออะไร ?

การปลูกผม คือ การนำรากผมที่มีความแข็งแรงสมบูรณ์มาปลูกในบริเวณที่ไม่มีเส้นผมแล้ว ซึ่งการรากผมที่นิยมนำมาปลูกมักจะเป็นรากผมจากบริเวณท้ายทอย เนื่องจากรากผมบริเวณดังกล่าวจะมีความแข็งแรงสมบูรณ์และมีอายุมากกว่ารากผมบริเวณอื่นมาก จึงนำรากผมจากส่วนท้ายทอยมาปลูกทดแทนส่วนของรากผมที่อ่อนแอจนไม่มีเส้นผมงอกขึ้นมาแล้ว ซึ่งการรักษาอาการศีรษะล้านด้วยการ การปลูกผม นับว่าเป็นวิธีที่ดีและช่วยแก้ไขปัญหาศีรษะล้านได้อย่างถาวร เนื่องจาก

1. ทนทานต่อฮอร์โมน DHT

รากผมที่บริเวณท้ายทอยมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ได้มากกว่าปกติ ซึ่งจะสังเกตได้จากคนที่มีปัญหาศีรษะล้านเนื่องจากความผิดปกติของฮอร์โมน DHT หรือจากกรรมพันธุ์ส่วนมากจะล้านที่บริเวณกลางศีรษะ แต่เส้นผมที่บริเวณท้ายทอยจะคงอยู่เหมือนเดิม จึงกล่าวได้ว่ารากผมที่บริเวณท้ายทอยเป็นรากผมที่มีความแข็งแรงทนทานมากที่สุด เมื่อนำไปปลูกทดแทนรากผมที่บริเวณกลางศีรษะ รากผมและเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่ย่อมมีความแข็งแรงทนทานเช่นเดียวกัน โอกาสที่รากผมจะอ่อนแอจนกลับมามีปัญหาศีรษะล้านมีความเป็นไปได้น้อยมากหรือแทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลยก็ว่าได้

2. อายุยืน

รากผมที่แข็งแรงจะสามารถสร้างเส้นผมได้ประมาณ 20 รอบตลอดอายุของรากผม ซึ่งวงจรชีวิตของเส้นผม 1 รอบจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6-10 ปี เส้นผมจึงจะหลุดร่วงไปเองตามธรรมชาติ นั่นหมายความว่าถ้ารากผมที่แข็งแรงจะมีอายุสูงสุดถึง 200 ปีทีเดียว ดังนั้นเมื่อนำรากผมที่บริเวณท้ายทอย ซึ่งเป็นรากผมที่มีความแข็งแรงมากที่สุดบนศีรษะมาปลูกผมแล้ว ย่อมหมายความว่ารากผมที่เกิดขึ้นใหม่จากการปลูกถ่ายจะมีอายุอยู่ต่อไปได้อีกเป็นร้อยปีและเส้นผมที่เกิดจากรากผมก็จะเกิดขึ้นได้ตลอดอายุขัยของรากผมเช่นเดียวกัน

การปลูกผมถาวรในปัจจุบัน

สมัยนี้มีเทคโนโลยีและวิวัฒนาการที่ล้ำสมัยทำให้คนที่มีปัญหาหัวล้านเถิกไม่ต้องกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว
โดยในปัจจุบันมีการปลูกผมด้วยกัน 2 วิธีที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย นั่นคือ  

วิธีที่ 1 FUT หรือ Follicular Unit Transplantation เทคนิคการศัลยกรรมปลูกผม เป็นวิธีที่มีมาก่อน FUE โดยการกรีดเอาชิ้นเนื้อจากหนังศีรษะบริเวณด้านหลังความยาว 10-20 ซ.ม. กว้าง 1-2 ซ.ม. นำมาหั่นเพื่อคัดกรองแยกกราฟต์ แล้วจึงนำกลับไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการ ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่เป็นที่นิยมแล้ว เพราะทำให้เกิดรอยแผลเป็นทางยาวที่ด้านหลังศีรษะ และต้องพักฟื้นเป็นเวลานานถึง 2 สัปดาห์

วิธีที่ 2 DHI (Direct Hair Implantation) เป็นการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค FUE ประเภทหนึ่ง ซึ่งก็คือ มีขั้นตอนการเจาะนำกราฟต์ที่บริเวณท้ายทอย (Donor Area) ออกมาเช่นเดียวกัน แต่ในขั้นตอนการปลูก หากเป็นเทคนิค FUE แบบดั้งเดิมนั้น แพทย์จะต้องใช้เข็มเจาะลงไปบนหนังศีรษะก่อนเพื่อให้เกิดรู แล้วจึงใช้ forceps คีบกราฟต์ผมมาปักลงไปในรอยเจาะนั้น แต่หากเป็นเทคนิค DHI สามารถปัก และปลูกผมได้ภายในครั้งเดียว ด้วยเครื่องมือเฉพาะที่ชื่อว่า DHI Implanter

ปลูกผมถาวร ผมที่ปลูกอยู่ถาวรหรือเปล่า

ปัจจุบันนี้ เรื่องการศัลยกรรมปลูกผมก็ยังคงมีปัญหาอยู่ เพราะคนส่วนมาก ยังขาดข้อมูล และ ไม่กล้าที่จะเข้ามารับการรักษา เพราะจะกลัวว่าผมที่ปลูกใหม่ ที่มันงอกออกมา มันจะอยู่แบบถาวร หรือจะหลุดร่วงอีกหรือไม่..

โดย นายแพทย์ดนัย ธรรมภิบาล แพทย์ผู้เชียญชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ ได้กล่าวไว้ว่า “ในตำราทางการแพทย์นั้น ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน ถึงอายุขัยของเส้นผมหลังการปลูกผมที่แน่นอน ว่าจะอยู่บนหนังศีรษะเราได้ถาวรนานเพียงใด แต่จากประสบการณ์ที่ได้พบเห็นผู้ที่เคยได้รับการรักษาปลูกผมแบบ FUE มาก่อนกับเรา เมื่อผ่านไปหลายปี ผมบริเวณอื่นก็หลุดและร่วงไปตามกาลเวลา ในขณะที่บริเวณที่ปลูกผมใหม่นั้นยังงอกงามอยู่ไม่หลุดร่วงไปไหนเลยครับ” ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ปกติรากผมที่เรานำมาจากท้ายทอย หรือ ส่วนบริจาคจะเป็นผมที่ทนทาน และ ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่า DHT(Dihydrotestosterone ) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาศีรษะล้านจากพันธุกรรม ดังนั้นเมื่อไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าก็จะมีอายุยืนยาวตามปกติของรากผมยังงั้นจนกลายเป็นผมถาวรเพราะปกติรากผมคนเราจะมีวงจรชีวิตที่จะต้องเข้าสู่ระยะพักทุกๆ 6 ถึง 10 ปี และระยะเวลาประมาณ 20 รอบ นั่นแปลว่ารากที่แข็งแรงตามปกติจะต้องมีอายุประมาณ 120 ถึง 200 ปีทั้งนี้แต่ละรอบวงจรขนาด อาจจะเล็กลงไปบ้างซึ่งจะเห็นว่าผมเส้นเล็กลงบ้างตามวัยที่สูงขึ้นดังนั้นล่ะ ผมจากท้ายทอยที่ย้ายมาปลูกก็จะมีอายุตามนั้นเราอาจจะเรียกว่าเป็นผมถาวรก็ย่อมได้เพราะมันอยู่นานเกินกว่าอายุขัยของคนเราเสียอีก หากต้องการทำให้ผมเดิม และผมที่เราปลูกมาอยู่กับให้ยาวนานที่สุด หลังปลูกก็ควรจะได้รับการดูแล แบ่งได้เป็น 3 ส่วน ดังนี้

การดูแลภายนอก

ควรใส่ใจ และดูแลผมอย่างถูกวิธี เช่น การเลือกใช้แชมพูที่ถูกกับลักษณะศีรษะแห้ง-มัน ของตัวเอง / การสระผมอย่างถูกวิธี / ไม่หวีผมในขณะที่ผมยังเปียกอยู่ / ไม่ควรเป่าลมร้อนใกล้ ๆ ผม รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีต่างๆ ไม่ว่าจะย้อมสีผม ดัด หรือกัดสีผม

การดูแลภายใน

การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นสำหรับเส้นผม เช่น โปรตีน วิตามิน ธาตุเหล็ก สังกะสี ฯลฯ รวมไปถึงการรับประทานอาหารเสริม หรือ ยาชนิดที่ดูแลเกี่ยวกับเส้นผม และต่อต้านฮอร์โมน DHT โดยตรงจะช่วยยืดอายุของเส้นผมให้อยู่ยาวนานยิ่งขึ้น

การดูแลเฉพาะที่หนังศีรษะและรากผม

ก่อนการปลูกผม และหลังปลูกผม มีวิธีทางการแพทย์หลายวิธีที่สามารถเลือกใช้ เพื่อไปกระตุ้นให้รากผมเจริญเติบโตแข็งแรง และชะลอสาเหตุที่ทำให้ผมหลุดร่วงได้ตรงจุด เช่น การทำ Plasma Hair PRP เป็นการแก้ปัญหา “ ผมร่วง “ โดยการเจาะเอาเลือดของตัวเอง เพียงจำนวน 10-20 cc ต่อมาจึงนำไปเข้าเครื่องเหวี่ยงสาร แยกเอามาเฉพาะส่วนของน้ำเลือดที่มีเกล็ดเลือด และ Growth Factors ที่มีความเข้มข้นสูงเมื่อฉีดกลับเข้าไปที่บริเวณหนังศรีษะส่วนที่ต้องการรักษา ไปช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและการแบ่งของเซลล์รากผม ให้รากผมฟื้นตัวได้ไว และกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีอีกครั้ 

Facebook
Twitter
LinkedIn
Facebook
Twitter
LinkedIn
Share the Post:

Related Posts

Rejuvenation Therapy

การดูแลตัวเอง ก่อน-หลัง ปลูกผม

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะปลูกผม สิ่งแรกที่ต้องทราบเลยก็คือ ก่อนปลูกผมต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพื่อให้การปลูกผมดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด รวมไปถึงหลังปลูกผมเราต้องดูแลอย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพ และตรงตามความต้องการของคนไข้ให้มากที่สุด เ

Read More

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ครับ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์

    ซึ่งเป็นคุกกี้ประเภทที่จดจำสิ่งที่ผู้ใช้บริการเลือกหรือตั้งค่าบนเว็บไซต์เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ภาษา ฟ้อนต์และรูปแบบการนำเสนอ ข้อมูลต่าง ๆ ที่ตรงความต้องการเฉพาะบุคคลให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้นตามการตั้งค่าที่เลือกไว้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

Save