แน่นอนครับว่า การมีเส้นผมสวย ดกดำแลดูหนาและสุขภาพดี เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากจะมี แต่ด้วยกรรมพันธุ์ และอิทธิพลของฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมของเราเกิดปัญหาขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมร่วง เส้นผมลีบ หัวเถิก ไปจนถึงศีรษะล้าน แต่รู้หรือไม่? พฤติกรรมการดูแลเส้นผมในชีวิตประจำวันก็อาจจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผมของเราอ่อนแอ และเกิดการหลุดร่วงได้โดยที่เราไม่รู้ตัวกันได้ด้วยนะครับ พฤติกรรมเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบครับ
ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะก่อนที่จะเกิดปัญหา
การดูแลเส้นผมละหนังศีรษะก่อนที่จะเกิดปัญหา เป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมากเลยนะครับ เพราะหากเกิดปัญหาไปแล้ว แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรายังเหมือนเดิมก็อาจจะทำให้ปัญหานั้นยิ่งลุกลามเกิดเป็นอาการผมร่วง เส้นผมลีบ หัวเถิก ศีรษะล้าน ร้ายแรงที่สุดอาจจะต้องเข้ารับการรักษาปลูกผมแบบย้ายรากได้ ซึ่งยิ่งชะล่าใจไม่ยอมปรับพฤติกรรมเหล่านี้นานเท่าไหร่ การรักษาก็ยิ่งยากเท่านั้น แล้วพฤติกรรมทำร้ายผมไหนล่ะที่ควรจะหลีกเลี่ยงหรือหยุดไปเลย หมอได้รวบรวมมาให้แล้วครับ
- การหวีผมแรงเกินไป
ในทุกเช้า การหวีผมที่ยุ่งเหยิงถือเป็นอีกหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของทุกคน แต่ไม่ว่าเส้นผมในตอนเช้าจะยุ่งเหยิงขนาดไหน การหวีผมควรเป็นการค่อย ๆ หวีอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้เส้นผมเกิดความเสียหาย โดยเฉพาะการหวีผมที่ยังเปียก ผมอาจจะขาดและหลุดร่วงได้ง่ายมากเลยล่ะครับ ทั้งนี้ หมอขอแนะนำว่าให้เลือกใช้หวีที่มีซี่ห่างหน่อย และค่อย ๆ หวีอย่างเบา จากโคนผมขึ้นไปหาปลายผมที่ยุ่งเหยิง และควรหวีผมเมื่อผมแห้งลงระดับหนึ่งแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้ายเส้นผมมากเกินไปนั่นเองครับ
- เป่าผมด้วยลมร้อนจัด
การไดร์ผม หรือ เป่าผมด้วยลมร้อน เป็นวิธียอดฮิตสำหรับคนที่ต้องการให้ผมแห้งเร็วในวันที่เร่งรีบ ยิ่งลมร้อนเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งแห้งเร็วเท่านั้น แต่รู้ไหมครับ ว่าความร้อนจากไดร์เป่าผมจะทำให้ความชุ่มชื้นของเส้นผมยิ่งน้อยลงไป ถึงแม้จะทำให้ผมแห้งอย่างรวดเร็วแต่ก็ทำให้เส้นผมยิ่งอ่อนแอ เปราะบาง ดูหยาบกร้าน และอาจจะหลุดร่วงไปในที่สุด ฉะนั้นถ้าต้องใช้ไดร์เป่าผม ควรเว้นระยะห่างระหว่างเส้นผมและไดร์ประมาณ 2-3 นิ้ว เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้ายเส้นผมจนเกินไป ทั้งนี้ ไม่ควรใช้ไดร์เป่าผมทุกวัน เนื่องจากจะทำให้ผมชี้ฟู แห้งกร้าน อ่อนแอและเปราะบางง่ายกว่าเดิมได้ครับ
- การไม่ใช้ครีมนวดผมหลังการสระผม
ในสภาพอากาศที่ร้อนของประเทศไทยเรา ทำให้เหงื่อออกง่าย ร่วมกับความมันของหนังศีรษะและกิจกรรมของแต่ละคน ที่นำไปสู่การสระทำความสะอาดผมจำนวนหลายครั้งในแต่ละวันได้ ซึ่งการสระผมในแต่ละครั้งจะทำให้ความชุ่มชื้นของเส้นผมลดลง ถ้าไม่มีการใช้ครีมนวดผมหลังการสระผมในแต่ละครั้ง สุดท้านเส้นผมก็จะแห้ง ดูหยาบกร้าน ชี้ฟู และหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นอย่าลืมที่จะใช้ครีมนวดผมหลังการสระผมในแต่ละครั้งเพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมครับ
- มัดหรือรวบผมแน่นจนเกินไป
การมัดผมมักจะทำให้คล่องตัวในการทำกิจกรรมที่ต้องการความคล่องตัว เช่น การเล่นกีฬา หรือการออกกำลังกาย แต่การรัดผมแน่นมาก ๆ นอกจากจะทำให้ผมเสียทรงแล้ว ยังทำให้รากผมถูกดึงรั้งที่สุดท้ายแล้วก็จะทำให้เส้นผมค่อย ๆ เถิกล่นและอ่อนแอลง จนอาจเป็นสาเหตุของการขาดหลุดร่วงและไรผมเถิกล่นได้อีกด้วย
- เปลี่ยนสีผมบ่อยเกินไป
การทำสีผม คือการนำส่วนผสมของสีในตัวกลางที่เหมาะสม (มักเป็นครีมหรือโลชั่น) มาผสมกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วจึงทาเส้นผมในทันที ปฏิกิริยาจะเกิดขณะที่สีกำลังแพร่กระจายเข้าไปในเส้นผม สีที่เกิดในเส้นผมจึงยังคงอยู่หลังจากล้างด้วยน้ำ แต่การทำสีผมก็จะทำให้เส้นผมที่ผ่านสารเคมีมาอ่อนแอและแห้งกร้าน ทั้งยังหลุดร่วงง่าย ในบางคนอาจเกิดการระคายเคือง ส่งผลให้หนังศีรษะเกิดการอักเสบที่สามารถส่งผลให้ผมร่วงได้
หลาย ๆ คนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะ จากกรรมพันธุ์หรือฮอร์โมน DHT แล้วยังมีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ หากหลีกเลี่ยงได้ ก็จะเป็นผลดีกับตนเองที่สุดนะครับ แต่ถ้าหากใครที่เริ่มมีอาการผมร่วง หรือเริ่มรู้สึกศีรษะเริ่มล้านแล้ว ก่อนที่ปัญหาจะหนักจนต้องรักษาโดยการปลูกผมแบบย้ายราก หมอแนะนำการปลูกผมโดยใช้เซลล์รากผม(Scalp Cell Therapy) หรือ ReCell ก็เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ดีมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง เพราะการปลูกผมโดยใช้เซลล์รากผม จะไปกระตุ้นให้หนังศีรษะเกิดการซ่อมแซมและช่วยให้เส้นผมเจริญเติบโตได้ดีขึ้น รากผมแข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยให้เส้นผมอ้วนโตขึ้น หรือจะใช้การปลูกผมโดยใช้เซลล์รากผม เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเพิ่มทรัพยากรเส้นผม ก่อนจะเข้ารับการปลูกผมแบบย้ายรากก็ได้เช่นเดียวกันครับ
มาถึงตรงนี้ หมอหวังว่าทุกคนจะเริ่มกลับมาดูแลเส้นผมและหนังศีรษะของตนเองกันมากขึ้น ก่อนที่จะสายเกินแก้นะครับ สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม สามารถทักเข้ามาสอบถามได้ทางช่องทางนี้ได้เลยนะครับ สอบถามเพิ่มเติม