รังแคคืออะไร แก้ปัญหาอย่างไร

Table of Contents

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.Lorem ipsum dolor sit amet consectetur adipiscing elit dolor

รังแค (Dandruff) เป็นภาวะเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับหนังศีรษะและพบได้บ่อยกับคนทุกเพศทุกวัย ก่อให้เกิดอาการคัน หนังศีรษะแห้ง และมีลักษณะเป็นสะเก็ดสีขาว แบน และบางที่เส้นผมหรือหนังศีรษะ โดยมักจะพบเห็นและสังเกตสะเก็ดขาวนี้ได้บริเวณบ่าที่ร่วงหล่นลงมาจากศีรษะ เป็นปัญหาที่ที่หลายๆคนกังวล วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องรังแค และรังแคทำให้ผมบางจริงหรือไม่?

ชนิดของรังแค

โดยปกติผิวหนังของคนเราจะมีการสร้างและผลัดเซลล์อยู่ตลอดเวลา ในผู้ที่มีหนังศีรษะปกติก็สามารถมีรังแคเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่ได้สระผมนาน 1-2 สัปดาห์ ส่วนรังแคที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติบนหนังศีรษะจะเกิดเมื่อวงจรการสร้างและผลัดเซลล์ผิวดังกล่าวเร็วกว่าปกติที่เป็นผลจากการอักเสบของหนังศีรษะ ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วก่อตัวเป็นแผ่นและเป็นสะเก็ดรังแค

ลักษณะของรังแคสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบ

1. Simple dandruff

                เป็นรังแคที่มักเกิดกับหนังศีรษะที่แห้งจากการอักเสบหรืออายุที่มากขึ้น และยังสามารถเกิดจากการสระผมที่มากเกินไป หรือใช้แชมพูที่ออกแบบมาสำหรับคนผมมัน รังแคชนิดนี้มีลักษณะแห้ง เป็นแผ่นคล้ายเม็ดข้าว และมักมีอาการคันหนังศีรษะร่วมด้วย และอาจมีปริมาณเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia spp.) ที่เป็นเชื้อประจำถิ่นของหนังศีรษะเพิ่มมากขึ้น

2. Oily dandruff

                รังแคชนิดนี้สัมพันธ์กับหนังศีรษะที่มีการน้ำมันมากเกินไป มักเกิดจากการทำความสะอาดหนังศีรษะที่ไม่เพียงพอ และจากการเพิ่มจำนวนของเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia spp.) รังแคชนิดนี้มักจะมีการเกาะแน่น ดูมันวาว มักพบตามแนวผมด้านหน้า บริเวณหู และรอบ ๆ ดวงตา

3. Asbestos-like scaling หรือ pityriasis amiantacea

                ชื่อยาก ๆ นี้เป็นรังแคที่มีลักษณะคล้ายใยหินที่สามารถเกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุในเด็กผู้หญิง แต่ก็อาจมีความสัมพันธ์กับการดูแลความสะอาดที่ไม่ดี รังแคหรือสะเก็ดจะมีลักษณะหนา ติดแน่น ดูคล้ายใยหิน ร่วมกับมีผมร่วงบริเวณนั้น แต่จะไม่มีอาการคัน

ปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสเป็นรังแคเพิ่มขึ้น

  • เพศและอายุ รังแคสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่โดยทั่วไปมักจะเกิดกับวัยหนุ่มสาวจนไปถึงวัยกลางคน แต่สำหรับบางรายสามารถเป็นได้ตลอดชีวิต นอกจากนั้น จากการวิจัยพบว่าเพศชายมีโอกาสเป็นรังแคได้มากกว่าเพศหญิง โดยมีฮอร์โมนเพศชายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดรังแค
  • มีน้ำมันที่เส้นผมและหนังศีรษะมาก เชื้อรามาลาสซีเซียสามารถเติบโตได้จากน้ำมันบนหนังศีรษะ เมื่อเชื้อราชนิดนี้มีมากกว่าปกติก็จะทำให้เกิดรังแค
  • โรคบางชนิด เช่น โรคพาร์กินสัน ทำให้มีโอกาสเกิดโรคผิวหนังอักเสบและรังแค แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด รวมไปถึงการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือภาวะที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ก็อาจทำให้เกิดรังแคได้เช่นกัน

การรักษาโดยแพทย์

โดยปกติไม่จำเป็นต้องรักษาโดยแพทย์ อย่างไรก็ตาม หากพบว่าเกิดปัญหาต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษา

  • ใช้แชมพูขจัดรังแคที่ส่วนผสมของ zinc pyrithione, selenium disulfide, coal tar หรือ piroctone olamine เป็นต้น มาเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน และอาการไม่ดีขึ้นหรืออาการแย่ลง
  • เป็นรังแคอย่างรุนแรงและมีอาการคันศีรษะมาก
  • หนังศีรษะแดงหรือบวม
  • เป็นผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น กำลังรักษาด้วยเคมีบำบัด เป็นเอชไอวี (HIV) หรือกำลังใช้ยาที่ระงับระบบภูมิคุ้มกัน

แพทย์จะเริ่มต้นรักษาด้วยการวินิจฉัย ตรวจดูสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดรังแค โดยหากพบว่ามีอาการรุนแรง แพทย์อาจสั่งจ่ายยาขจัดรังแคที่มีความเข้มข้นสูงกว่าที่ซื้อใช้เอง เช่น โลชั่น แชมพู ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันมะพร้าว กรดซาลิไซลิก ร่วมกับสเตียรอยด์ หรืออาจจำเป็นต้องใช้ยาอื่น ๆ เช่น แชมพูต้านเชื้อรา ยาคอร์ติโซนใช้เฉพาะที่ ยาชนิดโฟม ยาสารละลาย ยาครีมหรือขี้ผึ้ง เป็นต้น แต่ยังมีอีก 1 วิธีที่หน้าสนใจก็คือ Hair Revitalize ซึ่งเป็นทรีตเม้นท์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่สามารถขจัดสิ่งสกปกบนหนังศีรษะได้

Hair Revitalize          

สำหรับท่านที่มีน้ำมันส่วนเกินบนหนังศีรษะมาก ๆ นั้น รู้หรือไม่ว่า น้ำมันเหล่านี้สามารถดักจับสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไว้ และยังก่อให้เกิดรังแค และเกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ (Hair Follicles) นอกจากจะเกิดปัญหาบริเวณหนังศีรษะแล้ว ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วง ผมบาง และยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผมได้ เราสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการทำ Hair Revitalize เพื่อกำจัดสิ่งที่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนออกไปช่วยควบคุมความมันของหนังศีรษะ ลดการเกิดรังแค และช่วยให้เส้นผมงอกยาวได้อย่างปกติ

รังแค (Dandruff) เป็นภาวะเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับหนังศีรษะและพบได้บ่อยกับคนทุกเพศทุกวัย ก่อให้เกิดอาการคัน หนังศีรษะแห้ง และมีลักษณะเป็นสะเก็ดสีขาว แบน และบางที่เส้นผมหรือหนังศีรษะ โดยมักจะพบเห็นและสังเกตสะเก็ดขาวนี้ได้บริเวณบ่าที่ร่วงหล่นลงมาจากศีรษะ เป็นปัญหาที่ที่หลายๆคนกังวล วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องรังแค และรังแคทำให้ผมบางจริงหรือไม่?

ชนิดของรังแค

โดยปกติผิวหนังของคนเราจะมีการสร้างและผลัดเซลล์อยู่ตลอดเวลา ในผู้ที่มีหนังศีรษะปกติก็สามารถมีรังแคเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่ได้สระผมนาน 1-2 สัปดาห์ ส่วนรังแคที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติบนหนังศีรษะจะเกิดเมื่อวงจรการสร้างและผลัดเซลล์ผิวดังกล่าวเร็วกว่าปกติที่เป็นผลจากการอักเสบของหนังศีรษะ ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วก่อตัวเป็นแผ่นและเป็นสะเก็ดรังแค

ลักษณะของรังแคสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบ

1. Simple dandruff

                เป็นรังแคที่มักเกิดกับหนังศีรษะที่แห้งจากการอักเสบหรืออายุที่มากขึ้น และยังสามารถเกิดจากการสระผมที่มากเกินไป หรือใช้แชมพูที่ออกแบบมาสำหรับคนผมมัน รังแคชนิดนี้มีลักษณะแห้ง เป็นแผ่นคล้ายเม็ดข้าว และมักมีอาการคันหนังศีรษะร่วมด้วย และอาจมีปริมาณเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia spp.) ที่เป็นเชื้อประจำถิ่นของหนังศีรษะเพิ่มมากขึ้น

2. Oily dandruff

                รังแคชนิดนี้สัมพันธ์กับหนังศีรษะที่มีการน้ำมันมากเกินไป มักเกิดจากการทำความสะอาดหนังศีรษะที่ไม่เพียงพอ และจากการเพิ่มจำนวนของเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia spp.) รังแคชนิดนี้มักจะมีการเกาะแน่น ดูมันวาว มักพบตามแนวผมด้านหน้า บริเวณหู และรอบ ๆ ดวงตา

3. Asbestos-like scaling หรือ pityriasis amiantacea

                ชื่อยาก ๆ นี้เป็นรังแคที่มีลักษณะคล้ายใยหินที่สามารถเกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุในเด็กผู้หญิง แต่ก็อาจมีความสัมพันธ์กับการดูแลความสะอาดที่ไม่ดี รังแคหรือสะเก็ดจะมีลักษณะหนา ติดแน่น ดูคล้ายใยหิน ร่วมกับมีผมร่วงบริเวณนั้น แต่จะไม่มีอาการคัน

ปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสเป็นรังแคเพิ่มขึ้น

  • เพศและอายุ รังแคสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่โดยทั่วไปมักจะเกิดกับวัยหนุ่มสาวจนไปถึงวัยกลางคน แต่สำหรับบางรายสามารถเป็นได้ตลอดชีวิต นอกจากนั้น จากการวิจัยพบว่าเพศชายมีโอกาสเป็นรังแคได้มากกว่าเพศหญิง โดยมีฮอร์โมนเพศชายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดรังแค
  • มีน้ำมันที่เส้นผมและหนังศีรษะมาก เชื้อรามาลาสซีเซียสามารถเติบโตได้จากน้ำมันบนหนังศีรษะ เมื่อเชื้อราชนิดนี้มีมากกว่าปกติก็จะทำให้เกิดรังแค
  • โรคบางชนิด เช่น โรคพาร์กินสัน ทำให้มีโอกาสเกิดโรคผิวหนังอักเสบและรังแค แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด รวมไปถึงการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือภาวะที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ก็อาจทำให้เกิดรังแคได้เช่นกัน

การรักษาโดยแพทย์

โดยปกติไม่จำเป็นต้องรักษาโดยแพทย์ อย่างไรก็ตาม หากพบว่าเกิดปัญหาต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษา

  • ใช้แชมพูขจัดรังแคที่ส่วนผสมของ zinc pyrithione, selenium disulfide, coal tar หรือ piroctone olamine เป็นต้น มาเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน และอาการไม่ดีขึ้นหรืออาการแย่ลง
  • เป็นรังแคอย่างรุนแรงและมีอาการคันศีรษะมาก
  • หนังศีรษะแดงหรือบวม
  • เป็นผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น กำลังรักษาด้วยเคมีบำบัด เป็นเอชไอวี (HIV) หรือกำลังใช้ยาที่ระงับระบบภูมิคุ้มกัน

แพทย์จะเริ่มต้นรักษาด้วยการวินิจฉัย ตรวจดูสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดรังแค โดยหากพบว่ามีอาการรุนแรง แพทย์อาจสั่งจ่ายยาขจัดรังแคที่มีความเข้มข้นสูงกว่าที่ซื้อใช้เอง เช่น โลชั่น แชมพู ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันมะพร้าว กรดซาลิไซลิก ร่วมกับสเตียรอยด์ หรืออาจจำเป็นต้องใช้ยาอื่น ๆ เช่น แชมพูต้านเชื้อรา ยาคอร์ติโซนใช้เฉพาะที่ ยาชนิดโฟม ยาสารละลาย ยาครีมหรือขี้ผึ้ง เป็นต้น แต่ยังมีอีก 1 วิธีที่หน้าสนใจก็คือ Hair Revitalize ซึ่งเป็นทรีตเม้นท์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่สามารถขจัดสิ่งสกปกบนหนังศีรษะได้

Hair Revitalize          

สำหรับท่านที่มีน้ำมันส่วนเกินบนหนังศีรษะมาก ๆ นั้น รู้หรือไม่ว่า น้ำมันเหล่านี้สามารถดักจับสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไว้ และยังก่อให้เกิดรังแค และเกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ (Hair Follicles) นอกจากจะเกิดปัญหาบริเวณหนังศีรษะแล้ว ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วง ผมบาง และยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผมได้ เราสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการทำ Hair Revitalize เพื่อกำจัดสิ่งที่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนออกไปช่วยควบคุมความมันของหนังศีรษะ ลดการเกิดรังแค และช่วยให้เส้นผมงอกยาวได้อย่างปกติ

Facebook
Twitter
LinkedIn
Facebook
Twitter
LinkedIn
Share the Post:

Related Posts

Rejuvenation Therapy

การดูแลตัวเอง ก่อน-หลัง ปลูกผม

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะปลูกผม สิ่งแรกที่ต้องทราบเลยก็คือ ก่อนปลูกผมต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพื่อให้การปลูกผมดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด รวมไปถึงหลังปลูกผมเราต้องดูแลอย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพ และตรงตามความต้องการของคนไข้ให้มากที่สุด เ

Read More

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ครับ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์

    ซึ่งเป็นคุกกี้ประเภทที่จดจำสิ่งที่ผู้ใช้บริการเลือกหรือตั้งค่าบนเว็บไซต์เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ภาษา ฟ้อนต์และรูปแบบการนำเสนอ ข้อมูลต่าง ๆ ที่ตรงความต้องการเฉพาะบุคคลให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้นตามการตั้งค่าที่เลือกไว้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

Save