ปลูกผมแล้วต้องกินยาหรือไม่?

Table of Contents

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.Lorem ipsum dolor sit amet consectetur adipiscing elit dolor

เป็นหนึ่งในคำถามยอดฮิตตลอดการเลยครับกับคำถามนี้ เพราะหลาย ๆ คนไม่อยากทานยานั่นเอง ในวันนี้หมอจะพยายามตอบคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยกันก่อนนะครับ

ยาที่ใช้รักษาอาการผมร่วงคือยาอะไร

ยาฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) เป็นตัวยาที่ออกฤทธิ์โดยการลดการเกิดฮอร์โมน DHT โดยจะเข้าไปบล็อคตัว 5-alpha reductase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่จะเข้าไปเปลี่ยนให้ฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ไปเป็นฮอร์โมน DHT นั่นเองครับ โดยปกติที่ใช้ในการรักษาอาการศีรษะล้าน-เถิกนั้นเราจะให้กินที่ 1 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งจำนวนดังกล่าวเป็นจำนวนที่น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับการใช้รักษาในโรคต่อมลูกหมากโตครับ

ยาไมนอกซิดิล (Minoxidil) เดิมเป็นยาที่ใช้ลดความดันโลหิตสูงมาก่อน แต่ภายหลังพบว่ามีผลข้างเคียงจากยานี้ที่ทำให้ผมงอกขึ้นบริเวณศีรษะหลังจากทานยาด้วยกลไกการทำงานที่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ซึ่งคาดว่าอาจมาการขยายหลอดเลือดทำให้มีเลือดไปเลี้ยงเส้นผมมากขึ้น เพื่อป้องการเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ จะต้องใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง

คำถามยอดฮิต

จะทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อมลงหรือไม่?

อ้างอิงจากการทดลองครับ (https://ishrs.org/2019/05/27/finasteride-androgenetic-alopecia/) การรับประทาน Finasteride ไม่ทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อมนะครับ และยังมีการคาดการว่าที่หลาย ๆ คนรู้สึกสมรรถภาพทางเพศเสื่อมลงมักจะมาจากสเหตุอื่น ยกตัวอย่างเช่น ความเครียด และร่างกายที่อ่อนแอลงครับ

ต้องกินไปตลอดชีวิตหรือไม่

สำหรับผมเดิมที่ไม่ได้รับการปลูกหากปล่อยไว้ไม่กินยา หรือดูแลอะไรเลยก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้ผมเหล่านั้นหลุดร่วงและหายไปจากหนังศีรษะได้ จึงควรกินยาอย่างต่อเนื่องครับ

ถ้าไม่อยากทานทำอย่างไร

สำหรับท่านที่ไม่ต้องการรับประทานยา สามารถฉีดบล็อคฮอร์โมนได้ครับ โดยการฉีดนี้จะเป็นการรักษาเฉพาะจุดไม่เข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องตับไต หรือสมรรถภาพทางเพศครับ

เพศหญิงสามารถทานยาได้หรือไม่

ไม่แนะนำนะครับ เนื่องจากยาเหล่านี้จะมีผลกับระดับฮอร์โมนเพศชายในตัวคุณผู้หญิง ดังนั้นหมอแนะนำให้ทานวิตามินที่ทำหน้าที่เป็น Natural Finasteride หรือ Natural Minoxidil

ทำไมปลูกผมแล้วยังคงต้องทานยา

การปลูกผมย้ายรากนั้น ถือเป็นการรักษาที่ปลายเหตุสำหรับคนไข้ที่ศีรษะล้าน-เถิกไปแล้ว การทานยาไม่สามารถทำให้มีเส้นผมใหม่งอกขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงต้องเป็นการปลูกผมครับ

ซึ่งในการปลูกผมก็แบ่งออกเป็นสองรูปแบบ นั่นก็คือการปลูกผมย้ายราก และการปลูกผมด้วยเซลล์รกาผม ซึ่งมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งวิธีการและบริเวณที่ทำการรักษา

การปลูกผมย้ายราก

เหมาะสำหรับการปลูกผมบริเวณด้านหน้าหรือบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่มีเส้นผมแล้ว เป็นการเจาะนำเอาผมด้านหลังมาปลูกยังบริเวณที่ต้องการ มีหลากหลายเทคนิคทั้ง BEQ FUE, DHI , Advanced DHI, Long Hair DHI

การปลูกผมด้วยเทคนิค Recell

เหมาะสำหรับบริเวณที่ผมบางลงโดยยังมีเส้นผมเหลืออยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งมักจะเป็นบริเวณด้านบนของศีรษะ เป็นการสกัดเซลล์รากผมของเรามาฉีดยังบริเวณที่มีปัญหาเพื่อเหนี่ยวนำให้เกิดการงอกผมใหม่ รวมถึงทำให้ผมดูหนาขึ้นครับ มี 2 เทคนิคคือ ReCell Hair Micro Transplant และ ReCell Plus 3X

เป็นหนึ่งในคำถามยอดฮิตตลอดการเลยครับกับคำถามนี้ เพราะหลาย ๆ คนไม่อยากทานยานั่นเอง ในวันนี้หมอจะพยายามตอบคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยกันก่อนนะครับ

ยาที่ใช้รักษาอาการผมร่วงคือยาอะไร

ยาฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) เป็นตัวยาที่ออกฤทธิ์โดยการลดการเกิดฮอร์โมน DHT โดยจะเข้าไปบล็อคตัว 5-alpha reductase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่จะเข้าไปเปลี่ยนให้ฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ไปเป็นฮอร์โมน DHT นั่นเองครับ โดยปกติที่ใช้ในการรักษาอาการศีรษะล้าน-เถิกนั้นเราจะให้กินที่ 1 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งจำนวนดังกล่าวเป็นจำนวนที่น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับการใช้รักษาในโรคต่อมลูกหมากโตครับ

ยาไมนอกซิดิล (Minoxidil) เดิมเป็นยาที่ใช้ลดความดันโลหิตสูงมาก่อน แต่ภายหลังพบว่ามีผลข้างเคียงจากยานี้ที่ทำให้ผมงอกขึ้นบริเวณศีรษะหลังจากทานยาด้วยกลไกการทำงานที่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ซึ่งคาดว่าอาจมาการขยายหลอดเลือดทำให้มีเลือดไปเลี้ยงเส้นผมมากขึ้น เพื่อป้องการเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ จะต้องใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง

คำถามยอดฮิต

จะทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อมลงหรือไม่?

อ้างอิงจากการทดลองครับ (https://ishrs.org/2019/05/27/finasteride-androgenetic-alopecia/) การรับประทาน Finasteride ไม่ทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อมนะครับ และยังมีการคาดการว่าที่หลาย ๆ คนรู้สึกสมรรถภาพทางเพศเสื่อมลงมักจะมาจากสเหตุอื่น ยกตัวอย่างเช่น ความเครียด และร่างกายที่อ่อนแอลงครับ

ต้องกินไปตลอดชีวิตหรือไม่

สำหรับผมเดิมที่ไม่ได้รับการปลูกหากปล่อยไว้ไม่กินยา หรือดูแลอะไรเลยก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้ผมเหล่านั้นหลุดร่วงและหายไปจากหนังศีรษะได้ จึงควรกินยาอย่างต่อเนื่องครับ

ถ้าไม่อยากทานทำอย่างไร

สำหรับท่านที่ไม่ต้องการรับประทานยา สามารถฉีดบล็อคฮอร์โมนได้ครับ โดยการฉีดนี้จะเป็นการรักษาเฉพาะจุดไม่เข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องตับไต หรือสมรรถภาพทางเพศครับ

เพศหญิงสามารถทานยาได้หรือไม่

ไม่แนะนำนะครับ เนื่องจากยาเหล่านี้จะมีผลกับระดับฮอร์โมนเพศชายในตัวคุณผู้หญิง ดังนั้นหมอแนะนำให้ทานวิตามินที่ทำหน้าที่เป็น Natural Finasteride หรือ Natural Minoxidil

ทำไมปลูกผมแล้วยังคงต้องทานยา

การปลูกผมย้ายรากนั้น ถือเป็นการรักษาที่ปลายเหตุสำหรับคนไข้ที่ศีรษะล้าน-เถิกไปแล้ว การทานยาไม่สามารถทำให้มีเส้นผมใหม่งอกขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงต้องเป็นการปลูกผมครับ

ซึ่งในการปลูกผมก็แบ่งออกเป็นสองรูปแบบ นั่นก็คือการปลูกผมย้ายราก และการปลูกผมด้วยเซลล์รกาผม ซึ่งมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งวิธีการและบริเวณที่ทำการรักษา

การปลูกผมย้ายราก

เหมาะสำหรับการปลูกผมบริเวณด้านหน้าหรือบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่มีเส้นผมแล้ว เป็นการเจาะนำเอาผมด้านหลังมาปลูกยังบริเวณที่ต้องการ มีหลากหลายเทคนิคทั้ง BEQ FUE, DHI , Advanced DHI, Long Hair DHI

การปลูกผมด้วยเทคนิค Recell

เหมาะสำหรับบริเวณที่ผมบางลงโดยยังมีเส้นผมเหลืออยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งมักจะเป็นบริเวณด้านบนของศีรษะ เป็นการสกัดเซลล์รากผมของเรามาฉีดยังบริเวณที่มีปัญหาเพื่อเหนี่ยวนำให้เกิดการงอกผมใหม่ รวมถึงทำให้ผมดูหนาขึ้นครับ มี 2 เทคนิคคือ ReCell Hair Micro Transplant และ ReCell Plus 3X

Facebook
Twitter
LinkedIn
Facebook
Twitter
LinkedIn
Share the Post:

Related Posts

Rejuvenation Therapy

การดูแลตัวเอง ก่อน-หลัง ปลูกผม

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะปลูกผม สิ่งแรกที่ต้องทราบเลยก็คือ ก่อนปลูกผมต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพื่อให้การปลูกผมดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด รวมไปถึงหลังปลูกผมเราต้องดูแลอย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพ และตรงตามความต้องการของคนไข้ให้มากที่สุด เ

Read More

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ครับ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์

    ซึ่งเป็นคุกกี้ประเภทที่จดจำสิ่งที่ผู้ใช้บริการเลือกหรือตั้งค่าบนเว็บไซต์เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ภาษา ฟ้อนต์และรูปแบบการนำเสนอ ข้อมูลต่าง ๆ ที่ตรงความต้องการเฉพาะบุคคลให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้นตามการตั้งค่าที่เลือกไว้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

Save