ปลูกผมหลังรับเคมีบำบัด หรือ คีโม สามารถทำได้ไหม

Table of Contents

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.Lorem ipsum dolor sit amet consectetur adipiscing elit dolor

สงสัยกันไหมครับ ว่าการที่เราเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือคีโมแล้วเกิดอาการผมร่วง เราจะสามารถแก้ไข้ด้วยการปลูกผมแบบย้ายราก หรือปลูกผมด้วยเซลล์รากผมได้หรือไม่? ในบทความนี้ เรามาตามหาคำตอบกันครับ ก่อนอื่นเรามาเริ่มที่ความน่ากลัวของมะเร็งกันก่อน เพราะสำหรับใครที่คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว อาจต้องคิดใหม่ครับ

จากข้อมูลกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย

โดยคนไทยเสียชีวิต วันละ 221 คน หรือ 80,665 คนต่อปี และมีคนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งรายใหม่ถึงวันละ 336 คน หรือ 122,757 คนต่อปี

ซึ่งเมื่อแยกเป็นเพศชาย-หญิงแล้ว พบว่า เพศชายป่วยเป็นมะเร็ง 169.3 คนต่อประชากร 1 แสนคน ในขณะที่เพศหญิงพบป่วยเป็นมะเร็ง 151 คนต่อประชากร 1 แสนคน คิดเป็นอันดับที่ 18 ของเอเชีย พอมองดูแล้วก็นับว่าเป็นจำนวนคนไข้ที่มากเลยทีเดียวนะครับ

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาก็ยังมีอยู่อีกหลายวิธี ตามอาการที่ต่างกันไปของคนไข้ อาทิเช่น การผ่าตัดเอาก้อนเนื้อมะเร็งออกไป การฉายแสงเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง การใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และการทำเคมีบำบัด หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักในชื่อ “การทำคีโม” นั่นเอง ซึ่งเป็นการใช้ยา (สารเคมี) ซึ่งต้องยอมรับว่าการทำคีโมได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แต่ผลข้างเคียงของมันก็คือมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เหนื่อยง่าย มีภาวะเยื่อบุทางเดินอาหารอักเสบ รวมไปถึงเส้นผมและเส้นขนร่วงนั่นเองครับ

แน่นอนว่าผลของการที่ผมเราหลุดร่วงไปก็ย่อมทำให้ขาดความมั่นใจ และทำให้ดูป่วยหนักกว่าความเป็นจริงอีกด้วย คนไข้หลายท่านจึงพยายามที่จะหาทางแก้ปัญหาเหล่านี้ และมีคำถามว่าปลูกผมเหมาะกับการปัญหานี้หรือไม่

การปลูกผมเหมาะกับการรักษาผู้ป่วยผมร่วงจากเคมีบำบัดหรือไม่?

สืบเนื่องมาจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยการทำเคมีบำบัดหรือการทำคีโม หมอขอบอกก่อนเลยนะครับ ว่าการทำเคมีบำบัดคือการให้ยาที่มีผลออกฤทธิ์ด้วยการทำลายเซลล์ที่ยังมีความสามารถในการแบ่งตัว เพราะหนึ่งในเซลล์ที่มีความสามารถแบ่งเซลล์ตลอดเวลา ก็เป็นคุณสมบัติของเซลล์มะเร็งนั่นเอง ซึ่งบังเอิญว่าเซลล์รากผมก็เป็นหนึ่งในเซลล์ที่มีความสามารถดังกล่าวเช่นกัน  ดังนั้นจึงต้องรับผลกระทบเต็ม ๆ

                จะสังเกตได้จากการได้รับยาเคมีบำบัดไปสักระยะหนึ่ง จะเริ่มเกิดอาการหลุดร่วงของเส้นผม ซึ่งแตกต่างจากอาการผมร่วงตามธรรมชาติหรือตามกรรมพันธุ์ และอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT ที่เมื่อเกิดอาการเส้นผมด้านหลังจะยังเหลืออยู่เพราะผมบริเวณด้านหลังไม่มีตัวรับฮอร์โมน DHT แตกต่างจากการได้รับการรักษาแบบเคมีบำบัด ที่จะออกฤทธิ์ไปทั่วทั้งหนังศีรษะรวมไปถึงเส้นผมและขนทุกเส้นบนร่างกายเรา ซึ่งถึงแม้การที่ผมร่วงเพราะการทำเคมีบำบัดจะทำให้ผมร่วงมากเพียงใด หากเราต้องการที่จะใช้การปลูกผมเข้ามาช่วยยื้อการมีอยู่ของผมด้วยการปลูกผมในระหว่างนั้น หมอขอบอกได้เลยครับ ว่าหากเราทำการปลูกผมไป ผมก็จะยังคงร่วงอยู่ดี

หรือแม้จะทำการปลูกผมด้วยเซลล์รากผมด้วยเทคนิคอย่าง RECELL หรือ การทำ RECELL plus 3X ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ เพราะการทำ RECELL เป็นการนำเนื้อเยื่อรากผมจากด้านหลังศีรษะออกมาสกัดเอาสเต็มเซลล์รากผม ไปผ่านกระบวนการทางการแพทย์ เพื่อให้อยู่ในรูปแบบที่ฉีดได้ แล้วนำกลับมาฉีดไปยังหนังศีรษะของเราในพื้นที่ที่ยังมีเส้นผม หรือยังมีรูขุมขนที่ยังไม่ปิดหายไป (ซึ่งจะสามารถฉีดในจุดที่มีปัญหาเฉพาะผมบางเท่านั้น) โดยวิธีนี้จะสามารถฟื้นฟูเส้นผมอ่อนแอเหล่านั้นให้กลับมาเจริญเติบโต อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสการงอกใหม่ของเส้นผมอีกด้วย แต่เนื่องจากการทำคีโมเป็นการฆ่าเซลล์ที่มีความสามารถในการแบ่งตัว วิธีนี้จึงไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ป่วยที่ทำเคมีบำบัดเช่นกันครับ

หากต้องการปลูกผมในอนาคตได้หรือไม่ ?

ในผู้ป่วยที่กำลังได้รับการรักษาแบบเคมีบำบัดอยู่นั้น หมอแนะนำว่า ควรรอให้จบการรักษาให้เสร็จสิ้นไปก่อน อย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี แล้วจึงจะสามารถให้คุณหมอเจ้าของไข้พิจารณาอีกครั้งว่า สามารถเข้ารับการปลูกผมแบบย้ายราก หรือปลูกผมแบบ Recell ได้แล้วหรือไม่ เนื่องจากในสภาพร่างกายของคนไข้แต่ละท่านจะมีการฟื้นตัวจากการรักษาแต่ละแบบที่ไม่เหมือนกัน  รวมถึงในเรื่องของโรคร่วมอื่น ๆ หรือยาที่คนไข้ใช้ประจำก็มีผลต่อการประเมินจากหมอเจ้าของไข้ด้วยนะครับ ว่าจะอนุญาตให้คนไข้สามารถทำหัตถการเหล่านี้ได้หรือไม่ครับ

ทั้งนี้ ระหว่างที่คนไข้รอให้ร่างกายฟื้นความแข็งแรงคืนกลับมาหลังจากสภาวะที่ได้รับเคมีบำบัดเรียบร้อยแล้ว สามารถใส่วิกผมเทียมเพื่อเพิ่มความมั่นใจ หรือจะสวมหมวกที่ทำด้วยผ้าฝ้าย ก็จะช่วยลดอาการคันจากภาวะผมร่วงได้ด้วยนะครับ

สำหรับใครที่มีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม รวมถึงการบำรุงเส้นผม สามารถทักเข้ามาสอบถามได้ทางช่องทางนี้เลยครับ สอบถามเพิ่มเติม

สงสัยกันไหมครับ ว่าการที่เราเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือคีโมแล้วเกิดอาการผมร่วง เราจะสามารถแก้ไข้ด้วยการปลูกผมแบบย้ายราก หรือปลูกผมด้วยเซลล์รากผมได้หรือไม่? ในบทความนี้ เรามาตามหาคำตอบกันครับ ก่อนอื่นเรามาเริ่มที่ความน่ากลัวของมะเร็งกันก่อน เพราะสำหรับใครที่คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว อาจต้องคิดใหม่ครับ

จากข้อมูลกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย

โดยคนไทยเสียชีวิต วันละ 221 คน หรือ 80,665 คนต่อปี และมีคนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งรายใหม่ถึงวันละ 336 คน หรือ 122,757 คนต่อปี

ซึ่งเมื่อแยกเป็นเพศชาย-หญิงแล้ว พบว่า เพศชายป่วยเป็นมะเร็ง 169.3 คนต่อประชากร 1 แสนคน ในขณะที่เพศหญิงพบป่วยเป็นมะเร็ง 151 คนต่อประชากร 1 แสนคน คิดเป็นอันดับที่ 18 ของเอเชีย พอมองดูแล้วก็นับว่าเป็นจำนวนคนไข้ที่มากเลยทีเดียวนะครับ

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาก็ยังมีอยู่อีกหลายวิธี ตามอาการที่ต่างกันไปของคนไข้ อาทิเช่น การผ่าตัดเอาก้อนเนื้อมะเร็งออกไป การฉายแสงเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง การใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และการทำเคมีบำบัด หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักในชื่อ “การทำคีโม” นั่นเอง ซึ่งเป็นการใช้ยา (สารเคมี) ซึ่งต้องยอมรับว่าการทำคีโมได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แต่ผลข้างเคียงของมันก็คือมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เหนื่อยง่าย มีภาวะเยื่อบุทางเดินอาหารอักเสบ รวมไปถึงเส้นผมและเส้นขนร่วงนั่นเองครับ

แน่นอนว่าผลของการที่ผมเราหลุดร่วงไปก็ย่อมทำให้ขาดความมั่นใจ และทำให้ดูป่วยหนักกว่าความเป็นจริงอีกด้วย คนไข้หลายท่านจึงพยายามที่จะหาทางแก้ปัญหาเหล่านี้ และมีคำถามว่าปลูกผมเหมาะกับการปัญหานี้หรือไม่

การปลูกผมเหมาะกับการรักษาผู้ป่วยผมร่วงจากเคมีบำบัดหรือไม่?

สืบเนื่องมาจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยการทำเคมีบำบัดหรือการทำคีโม หมอขอบอกก่อนเลยนะครับ ว่าการทำเคมีบำบัดคือการให้ยาที่มีผลออกฤทธิ์ด้วยการทำลายเซลล์ที่ยังมีความสามารถในการแบ่งตัว เพราะหนึ่งในเซลล์ที่มีความสามารถแบ่งเซลล์ตลอดเวลา ก็เป็นคุณสมบัติของเซลล์มะเร็งนั่นเอง ซึ่งบังเอิญว่าเซลล์รากผมก็เป็นหนึ่งในเซลล์ที่มีความสามารถดังกล่าวเช่นกัน  ดังนั้นจึงต้องรับผลกระทบเต็ม ๆ

                จะสังเกตได้จากการได้รับยาเคมีบำบัดไปสักระยะหนึ่ง จะเริ่มเกิดอาการหลุดร่วงของเส้นผม ซึ่งแตกต่างจากอาการผมร่วงตามธรรมชาติหรือตามกรรมพันธุ์ และอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT ที่เมื่อเกิดอาการเส้นผมด้านหลังจะยังเหลืออยู่เพราะผมบริเวณด้านหลังไม่มีตัวรับฮอร์โมน DHT แตกต่างจากการได้รับการรักษาแบบเคมีบำบัด ที่จะออกฤทธิ์ไปทั่วทั้งหนังศีรษะรวมไปถึงเส้นผมและขนทุกเส้นบนร่างกายเรา ซึ่งถึงแม้การที่ผมร่วงเพราะการทำเคมีบำบัดจะทำให้ผมร่วงมากเพียงใด หากเราต้องการที่จะใช้การปลูกผมเข้ามาช่วยยื้อการมีอยู่ของผมด้วยการปลูกผมในระหว่างนั้น หมอขอบอกได้เลยครับ ว่าหากเราทำการปลูกผมไป ผมก็จะยังคงร่วงอยู่ดี

หรือแม้จะทำการปลูกผมด้วยเซลล์รากผมด้วยเทคนิคอย่าง RECELL หรือ การทำ RECELL plus 3X ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ เพราะการทำ RECELL เป็นการนำเนื้อเยื่อรากผมจากด้านหลังศีรษะออกมาสกัดเอาสเต็มเซลล์รากผม ไปผ่านกระบวนการทางการแพทย์ เพื่อให้อยู่ในรูปแบบที่ฉีดได้ แล้วนำกลับมาฉีดไปยังหนังศีรษะของเราในพื้นที่ที่ยังมีเส้นผม หรือยังมีรูขุมขนที่ยังไม่ปิดหายไป (ซึ่งจะสามารถฉีดในจุดที่มีปัญหาเฉพาะผมบางเท่านั้น) โดยวิธีนี้จะสามารถฟื้นฟูเส้นผมอ่อนแอเหล่านั้นให้กลับมาเจริญเติบโต อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสการงอกใหม่ของเส้นผมอีกด้วย แต่เนื่องจากการทำคีโมเป็นการฆ่าเซลล์ที่มีความสามารถในการแบ่งตัว วิธีนี้จึงไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ป่วยที่ทำเคมีบำบัดเช่นกันครับ

หากต้องการปลูกผมในอนาคตได้หรือไม่ ?

ในผู้ป่วยที่กำลังได้รับการรักษาแบบเคมีบำบัดอยู่นั้น หมอแนะนำว่า ควรรอให้จบการรักษาให้เสร็จสิ้นไปก่อน อย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี แล้วจึงจะสามารถให้คุณหมอเจ้าของไข้พิจารณาอีกครั้งว่า สามารถเข้ารับการปลูกผมแบบย้ายราก หรือปลูกผมแบบ Recell ได้แล้วหรือไม่ เนื่องจากในสภาพร่างกายของคนไข้แต่ละท่านจะมีการฟื้นตัวจากการรักษาแต่ละแบบที่ไม่เหมือนกัน  รวมถึงในเรื่องของโรคร่วมอื่น ๆ หรือยาที่คนไข้ใช้ประจำก็มีผลต่อการประเมินจากหมอเจ้าของไข้ด้วยนะครับ ว่าจะอนุญาตให้คนไข้สามารถทำหัตถการเหล่านี้ได้หรือไม่ครับ

ทั้งนี้ ระหว่างที่คนไข้รอให้ร่างกายฟื้นความแข็งแรงคืนกลับมาหลังจากสภาวะที่ได้รับเคมีบำบัดเรียบร้อยแล้ว สามารถใส่วิกผมเทียมเพื่อเพิ่มความมั่นใจ หรือจะสวมหมวกที่ทำด้วยผ้าฝ้าย ก็จะช่วยลดอาการคันจากภาวะผมร่วงได้ด้วยนะครับ

สำหรับใครที่มีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม รวมถึงการบำรุงเส้นผม สามารถทักเข้ามาสอบถามได้ทางช่องทางนี้เลยครับ สอบถามเพิ่มเติม

Facebook
Twitter
LinkedIn
Facebook
Twitter
LinkedIn
Share the Post:

Related Posts

Rejuvenation Therapy

การดูแลตัวเอง ก่อน-หลัง ปลูกผม

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะปลูกผม สิ่งแรกที่ต้องทราบเลยก็คือ ก่อนปลูกผมต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพื่อให้การปลูกผมดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด รวมไปถึงหลังปลูกผมเราต้องดูแลอย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพ และตรงตามความต้องการของคนไข้ให้มากที่สุด เ

Read More

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ครับ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์

    ซึ่งเป็นคุกกี้ประเภทที่จดจำสิ่งที่ผู้ใช้บริการเลือกหรือตั้งค่าบนเว็บไซต์เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ภาษา ฟ้อนต์และรูปแบบการนำเสนอ ข้อมูลต่าง ๆ ที่ตรงความต้องการเฉพาะบุคคลให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้นตามการตั้งค่าที่เลือกไว้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

Save