DHT ฮอร์โมนตัวร้ายที่ผู้ชายไม่อยากหัวล้านต้องรู้จัก

Table of Contents

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.Lorem ipsum dolor sit amet consectetur adipiscing elit dolor

คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารูปลักษณ์และบุคลิกภาพที่ดีนั้นช่วยส่งเสริมความมั่นใจและสร้างโอกาสทางสังคมที่ดีให้แก่ชีวิตได้ไม่น้อย หากลองนึกภาพตนเองส่องกระจกจะพบว่าอวัยวะที่จะมองเห็นอันดับแรกสุดก็คือ ใบหน้าและศีรษะ ความบกพร่องบนใบหน้าสามารถอำพรางได้ด้วยเครื่องสำอางต่าง ๆ หรือแก้ไขด้วยการทำศัลยกรรมได้ แต่หากเป็นปัญหาผมบางจนเห็นหนังศีรษะหรือมีหัวล้านแบบขุนช้าง สิ่งที่เห็นนี้อาจจะไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพกายแต่อาจจะส่งผลร้ายต่อสภาพจิตใจและความมั่นใจของผู้ที่มีปัญหานี้พอสมควร

ปัญหาผมบาง-ล้านจากกรรมพันธุ์ (androgenetic alopecia; AGA) เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด โดยส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมร่วมกับรากผมที่มีความไวต่อฮอร์โมนเพศชายมากกว่าปกติ ภาวะนี้มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง บางท่านอาจมีอาการเริ่มต้นจากผมร่วงมาตั้งแต่วัยหนุ่มและยิ่งมีอาการเด่นชัดมากขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ซึ่งอาการที่แสดงออกมามีได้ในหลายรูปแบบ เช่น ผมบางบริเวณกลางศีรษะ มีการถอยร่นแนวผมด้านหน้าลึกเข้าไปเป็นง่ามรูปตัวเอ็ม เป็นต้น

ปัญหาผมบางจาก DHT

ฉะนั้นเราจึงควรทำความรู้จักตัวการที่ทำให้เส้นผมค่อย ๆ หายไปจากหนังศีรษะ นั่นก็คือฮอร์โมนเพศชายที่ชื่อว่า dihydrotestosterone หรือ DHT ที่เกิดขึ้นมากที่รากผมของผู้ที่มีปัญหา จากการทำงานของเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย testosterone จากลูกอัณฑะให้กลายมาเป็นฮอร์โมน DHT ที่จะค่อย ๆ ทำให้เส้นผมมีขนาดที่เล็กลงจนหายไปจากหนังศีรษะในที่สุด

เมื่อกล่าวถึงทางเลือกในการรักษาสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภท อย่างแรกคือการใช้ยาโดยมีทั้งยากินและยาทาที่หนังศีรษะโดยตรง ยาออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่รากผมทำให้มีฮอร์โมน DHT เกิดขึ้นน้อยลง ร่วมกับการส่งเสริมการเจริญเติบโตและลดการหลุดร่วงของเส้นผม จะสังเกตได้ว่ายามีการทำงานที่ต้นเหตุของปัญหานี้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถทำให้มีเส้นผมเกิดขึ้นใหม่บนหนังศีรษะที่ไม่มีเส้นผมแล้วได้

การปลูกผม แบบ DHI

ทางเลือกที่สองคือการทำศัลยกรรมการปลูกผม เทคนิคการปลูกผมนั้นมีการทำกันมานานหลายสิบปี ด้วยเวลาที่ผ่านไปทำให้มีการพัฒนาต่าง ๆ ที่ทำให้การปลูกผมในปัจจุบันดูมีความน่ากลัวน้อยลง ใช้เวลาในการทำเร็วขึ้น ระยะพักฟื้นสั้นลง และได้ผลลัพธ์ที่ดูดีเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยการปลูกผมจะใช้การย้ายรากผมจากบริเวณศีรษะด้านหลังที่มีความแข็งแรงและได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT น้อยมาทำการปลูกผม เทคนิคที่เป็นที่นิยมในทุกวันนี้ คือ Follicular unit excision (FUE) และ Direct hair implantation (DHI)

สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมบางแต่ยังไม่ถึงกับหนังศีรษะล้านอาจจะเริ่มต้นการรักษาด้วยการทำ ReCell และ Plasma hair PRP ที่จะช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมที่ฝ่อเล็กลงให้กลับมาอ้วนโตอีกครั้งและยังช่วยลดการหลุดร่วงอีกด้วย

ดังนั้นเมื่อท่านทราบแล้วว่าภาวะผมบางหัวล้านนี้มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์และฮอร์โมน DHT ที่เรามีอาจหลีกเลี่ยงได้ จึงควรใส่ใจในการเริ่มต้นดูแลปัญหานี้ตั้งแต่ในระยะแรก ๆ และอย่างเป็นองค์รวม เพื่อไม่ให้ภาวะดังกล่าวมาทำลายความมั่นใจของท่าน อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อบุคคลรอบข้าง นับเป็นการลงทุนในตัวเองที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง ทำให้ได้มาซึ่งความมั่นใจและโอกาสดี ๆ ของชีวิตในภายภาคหน้า

คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารูปลักษณ์และบุคลิกภาพที่ดีนั้นช่วยส่งเสริมความมั่นใจและสร้างโอกาสทางสังคมที่ดีให้แก่ชีวิตได้ไม่น้อย หากลองนึกภาพตนเองส่องกระจกจะพบว่าอวัยวะที่จะมองเห็นอันดับแรกสุดก็คือ ใบหน้าและศีรษะ ความบกพร่องบนใบหน้าสามารถอำพรางได้ด้วยเครื่องสำอางต่าง ๆ หรือแก้ไขด้วยการทำศัลยกรรมได้ แต่หากเป็นปัญหาผมบางจนเห็นหนังศีรษะหรือมีหัวล้านแบบขุนช้าง สิ่งที่เห็นนี้อาจจะไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพกายแต่อาจจะส่งผลร้ายต่อสภาพจิตใจและความมั่นใจของผู้ที่มีปัญหานี้พอสมควร

ปัญหาผมบาง-ล้านจากกรรมพันธุ์ (androgenetic alopecia; AGA) เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด โดยส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมร่วมกับรากผมที่มีความไวต่อฮอร์โมนเพศชายมากกว่าปกติ ภาวะนี้มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง บางท่านอาจมีอาการเริ่มต้นจากผมร่วงมาตั้งแต่วัยหนุ่มและยิ่งมีอาการเด่นชัดมากขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ซึ่งอาการที่แสดงออกมามีได้ในหลายรูปแบบ เช่น ผมบางบริเวณกลางศีรษะ มีการถอยร่นแนวผมด้านหน้าลึกเข้าไปเป็นง่ามรูปตัวเอ็ม เป็นต้น

ปัญหาผมบางจาก DHT

ฉะนั้นเราจึงควรทำความรู้จักตัวการที่ทำให้เส้นผมค่อย ๆ หายไปจากหนังศีรษะ นั่นก็คือฮอร์โมนเพศชายที่ชื่อว่า dihydrotestosterone หรือ DHT ที่เกิดขึ้นมากที่รากผมของผู้ที่มีปัญหา จากการทำงานของเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย testosterone จากลูกอัณฑะให้กลายมาเป็นฮอร์โมน DHT ที่จะค่อย ๆ ทำให้เส้นผมมีขนาดที่เล็กลงจนหายไปจากหนังศีรษะในที่สุด

เมื่อกล่าวถึงทางเลือกในการรักษาสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภท อย่างแรกคือการใช้ยาโดยมีทั้งยากินและยาทาที่หนังศีรษะโดยตรง ยาออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่รากผมทำให้มีฮอร์โมน DHT เกิดขึ้นน้อยลง ร่วมกับการส่งเสริมการเจริญเติบโตและลดการหลุดร่วงของเส้นผม จะสังเกตได้ว่ายามีการทำงานที่ต้นเหตุของปัญหานี้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถทำให้มีเส้นผมเกิดขึ้นใหม่บนหนังศีรษะที่ไม่มีเส้นผมแล้วได้

การปลูกผม แบบ DHI

ทางเลือกที่สองคือการทำศัลยกรรมการปลูกผม เทคนิคการปลูกผมนั้นมีการทำกันมานานหลายสิบปี ด้วยเวลาที่ผ่านไปทำให้มีการพัฒนาต่าง ๆ ที่ทำให้การปลูกผมในปัจจุบันดูมีความน่ากลัวน้อยลง ใช้เวลาในการทำเร็วขึ้น ระยะพักฟื้นสั้นลง และได้ผลลัพธ์ที่ดูดีเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยการปลูกผมจะใช้การย้ายรากผมจากบริเวณศีรษะด้านหลังที่มีความแข็งแรงและได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT น้อยมาทำการปลูกผม เทคนิคที่เป็นที่นิยมในทุกวันนี้ คือ Follicular unit excision (FUE) และ Direct hair implantation (DHI)

สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมบางแต่ยังไม่ถึงกับหนังศีรษะล้านอาจจะเริ่มต้นการรักษาด้วยการทำ ReCell และ Plasma hair PRP ที่จะช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมที่ฝ่อเล็กลงให้กลับมาอ้วนโตอีกครั้งและยังช่วยลดการหลุดร่วงอีกด้วย

ดังนั้นเมื่อท่านทราบแล้วว่าภาวะผมบางหัวล้านนี้มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์และฮอร์โมน DHT ที่เรามีอาจหลีกเลี่ยงได้ จึงควรใส่ใจในการเริ่มต้นดูแลปัญหานี้ตั้งแต่ในระยะแรก ๆ และอย่างเป็นองค์รวม เพื่อไม่ให้ภาวะดังกล่าวมาทำลายความมั่นใจของท่าน อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อบุคคลรอบข้าง นับเป็นการลงทุนในตัวเองที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง ทำให้ได้มาซึ่งความมั่นใจและโอกาสดี ๆ ของชีวิตในภายภาคหน้า

Facebook
Twitter
LinkedIn
Facebook
Twitter
LinkedIn
Share the Post:

Related Posts

Rejuvenation Therapy

การดูแลตัวเอง ก่อน-หลัง ปลูกผม

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะปลูกผม สิ่งแรกที่ต้องทราบเลยก็คือ ก่อนปลูกผมต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพื่อให้การปลูกผมดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด รวมไปถึงหลังปลูกผมเราต้องดูแลอย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพ และตรงตามความต้องการของคนไข้ให้มากที่สุด เ

Read More

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ครับ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์

    ซึ่งเป็นคุกกี้ประเภทที่จดจำสิ่งที่ผู้ใช้บริการเลือกหรือตั้งค่าบนเว็บไซต์เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ภาษา ฟ้อนต์และรูปแบบการนำเสนอ ข้อมูลต่าง ๆ ที่ตรงความต้องการเฉพาะบุคคลให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้นตามการตั้งค่าที่เลือกไว้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

Save