การปลูกผมเมื่อหลายปีก่อน จะมีตัวเลือกหลัก ๆ 2 ตัวเลือกนั่นก็คือ FUE (แบบเจาะ) และ FUT (แบบกรีดหนังศีรษะ) แต่เมื่อเวลาผ่านไป การปลูกผมแบบ FUT ก็เริ่มเสื่อมความนิยมลง เนื่องจากเป็นการสร้างแผลขนาดใหญ่ มีเวลาพักฟื้นที่นาน และที่สำคัญทำให้เกิดแผลเป็นขนาดใหญ่บริเวณด้านหลังศีรษะของคนไข้อีกด้วย
ปัจจุบันการปลูกผมแบบ Follicular Unit Excision (FUE) หรือการปลูกผมแบบเจาะรากผมออกมาทีละกราฟต์นั้นเป็นการปลูกผมกระแสหลัก ณ ปัจจุบันครับ แต่ในส่วนของขั้นตอนการปลูกนั้นแต่เดิมเราใช้การปลูกด้วยเข็มและ Forceps ข้อเสียของเข็ม และ Forceps คือไม่สามารถปลูกได้แน่น (20-40 กราฟต์/ตร.ซม.) จึงได้มีการคิดค้น และพัฒนาอุปกรณ์ช่วยปลูก หรือที่เราเรียกกันว่า Implanter นั่นเองครับ
การใช้ Implanter จะทำให้คุณหมอผู้ปลูกสามารถกำหนดความลึกและทิศทางของเส้นผมได้ครับ ดังนั้นการปลูกผมด้วย Implanter จึงได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างแนวผมใหม่ คงไม่ดีแน่ ๆ หากเราต้องการสร้างแนวผมใหม่ แต่ดันไม่แน่นหรือมีทิศทางที่ไม่เป็นธรรมชาติครับ
และนี่ก็เป็นที่มาของเทคนิคที่ชื่อว่า DHI (Direct Hair Implantation) ครับ ถึงแม้ว่าขั้นตอนการเจาะกราฟต์ผมออกมาจะไม่ต่างกับเทคนิค FUE แบบดั้งเดิม แต่ในส่วนของขั้นตอนการปลูกแตกต่างกันชัดเจน
DHI เป็นเพียงชื่อทางการตลาดจริงหรือ?
คำถามที่หลาย ๆ คนสอบถามหมอเข้ามาก็คือ DHI เป็นแค่ชื่อในมาการตลาดจริงหรือไม่ หมอต้องขอตอบแบบนี้ครับว่า มันขึ้นอยู่กับมุมมอง จะให้เรียกว่าการปลูกผม FUE แบบใช้ Implanter ก็คงดูแปลก ๆ และที่สำคัญ คำว่า DHI ก็เป็นคำกลางที่ใช้กันทั่วโลกครับ ในตำราเมื่อหลายปีก่อน การปลูกผม FUE ยังย่อมาจาก Follicular Unit Extraction ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น Follicular Unit Excision ในภายหลัง เนื่องจากเทคโนโลยีการปลูกผมยังเป็นสิ่งที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดพัฒนาการด้านต่าง ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้นไป และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม จึงไม่แปลกที่จะทำให้เกิดคำนิยาม หรือคำเรียกใหม่ ๆ ขึ้นมาครับ
เลือกเทคนิคไหนดี
ส่วนตัวหมอแนะนำเทคนิค DHI ครับ เพราะอย่างที่แจ้งไปข้างต้นที่ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติกว่าชัดเจน ที่สำคัญการปลูกผมเทคนิค DHI ไม่ต้องพักฟื้นครับ ดังนั้นในปี 2021 นี้หากคนไข้ท่านใดรู้สึกกังวลกับปัญหาผม หมออยากให้ทุก ๆ คนได้ศึกษาการปลูกผมเทคนิค DHI ครับ ไม่ว่าจะเป็นบทความในไทย หรือต่างประเทศก็ตาม
แต่การปลูกผม FUE ไม่ได้เป็นทางเลือกที่เลวร้ายเลยครับ เพราะอย่างน้อยที่สุดก็ไม่ได้เกิดรอยแผลเป็นด้านหลังชัดเจน ดังนั้นสำหรับหลาย ๆ ท่านที่ปัญหาไม่มาก ต้องการปลูกแซมเพียงเล็กน้อยก็สามารถปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ครับ
การเลือกแพทย์และคลินิกปลูกผมก็สำคัญไม่แพ้กัน
การปลูกผมเป็นหัตถการที่ต้องการความชำนาญของทีมแพทย์ เนื่องจากเป็นหัตถการที่มีความละเอียดอ่อน ดังนั้นนอกจากเทคนิคที่ใช้ปลูกแล้ว ความชำนาญของทีมแพทย์ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการปลูกผมครับ