ผู้ติดเชื้อ HIV สามารปลูกผมได้หรือไม่?

Table of Contents

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.Lorem ipsum dolor sit amet consectetur adipiscing elit dolor

อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่า สาเหตุหลักของผมหลุดล่วง อันเป็นสาเหตุของศีรษะล้าน-เถิก ก็คือ เจ้าฮอร์โมน DHT นั่นเอง ดังนั้นทุกคนจึงได้รับผลกระทบ ส่วนจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมส่วนบุคคลนั่งเอง สำหรับผู้ที่ติดเชื้อ HIV ก็ไม่มีข้อยกเว้น ในยุคปัจจุบันที่การแพทย์ก้าวหน้ามาไกล มียาต้านไวรัสมากมายหลายขนาน ทำให้ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ไม่ต่างกับคนทั่วไป ปัจจุบันมีคนไข้ที่ติดเชื้อ HIV ที่ห่วงใยภาพลักษณ์ รวมถึงต้องการเพิ่มความมั่นใจ สอบถามเข้ามากันมากมายว่า “ปลูกผมได้หรือไม่”

คำตอบก็คือ “ได้” ครับแต่ว่าจะต้องแจ้งให้หมอทราบก่อนว่าติดเชื้อ เพื่อที่หมอจะได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับปลูกผม และอุปกรณ์ป้องกัน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของตัวผู้ป่วย และทีมแพทย์นั่นเองนะครับ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับโรค HIV และข้อควรระวังกันนะครับ

รู้จักโรค HIV และ AIDs

โรคติดเชื้อเอชไอวี (HIV) คือ โรคจากการที่ร่างกายได้รับเชื้อไวรัส HIV ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ (AIDS, Acquired Immunol Deficiency Syndrome หรือ Acquired Immune Deficiency Syndrome) ซึ่งทั่วโลกเริ่มรู้จักโรคเอดส์ ประมาณปี ค.ศ. 1981 ทั้งนี้การติดเชื้อไวรัสเอชไอวี มีหลายวิธีการในการแพร่ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อจากแม่สู่ลูก การติดจากเลือด หรือแม้กระทั่งการติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์

เชื้อไวรัสเอชไอวีคืออะไร ? เชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV ย่อมาจากคำว่า Human Immunodeficiency Virus) เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในกลุ่มรีโทรไวรัส (Retrovirus) และอยู่ในตระกูล เลนติไวรัส (Lentivirus family) เชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามลักษณะทางพันธุกรรม ได้แก่ เอชไอวี-1 (HIV-1) และเอชไอวี-2 (HIV-2) ทั้งสองชนิดสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในมนุษย์ได้ โดยเอชไอวี-1 พบมากกว่าและจะพบในผู้ป่วยในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา และส่วนกลางของทวีปอัฟริกา ในขณะที่ เอชไอวี-2 จะพบในผู้ป่วยของประเทศอินเดีย และอัฟริกาตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ อาการ และการดำเนินโรคของเชื้อทั้งสองชนิดคล้ายคลึงกัน

หลักในการวินิจฉัยโรค

เพราะว่า HIV ยังไม่มียารักษา แปลว่า เมื่อติดเชื้อแล้ว เลือดจะแสดงผลเป็น HIV+ อยู่เสมอ ทำให้เราต้องเช็คผ่านทางค่า VL และ CD4 แทน

Viral Load (VL) หมายถึง จำนวนไวรัส HIV ในกระแสเลือด ดังนั้นยิ่งน้อยก็จะยิ่งดี โดยควรมีค่าเป็น Undetectable หรือก็คือน้อยกว่า 20 ตัวต่อเลือด 1 CC

CD4 หมายถึง เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง(ในหลายๆประเภท) ซึ่งเป็นเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อติดเชื้อ HIV เชื้อ HIV จะใช้ CD4 เป็นฐานการผลิต แพร่กระจายเชื้อต่อไปอีก ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายเราอ่อนแอลง เพราะไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆได้ ดังนั้นค่า CD4 ยิ่งมีมากก็ยิ่งดีครับ

CD4 นับเป็นจำนวนเซลล์ต่อเลือด cu mm. ค่าปกติอยู่ที่ประมาณ 538-922 (อ้างอิงตามสภากาชาดไทย) และหากมีค่า CD4 น้อยกว่า 200 ก็ถือเป็น Aids zone มีความเสียงสูงขึ้นที่จะติดเชื้อฉวยโอกาสต่างๆ แต่เป็นการยากที่จะคำนวนความเปลี่ยนแปลงดังนั้นจึงมีค่า อีกค่าหนึ่งที่เรียกว่า %CD4 หรือก็คือ ในจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวทุกประเภทรวมกัน นับได้ว่ามี เซลล์ CD4 นี้อยู่กี่เปอร์เซ็นต์ ค่าปกติแล้ว (สภากาชาดไทย) ควรอยู่ระหว่าง 26-40 เมื่อตรวจเลือดกับคลินิก แพทย์จะช่วยวินิจฉัยว่าพร้อมสำหรับการปลูกผมหรือไม่ดังนั้นไม่ต้องกังวลนะครับ

ข้อควรระวังในการปลูกผม ของผู้ป่วย HIV

               ต้องยอมรับว่าการปลูกผมทำให้เกิดแผลจำนวนมาก(หลายพันแผล) ดังนั้นความสะอาดและปลอดเชื่อจึงมาเป็นอันดับแรก แต่สิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือขนาดของแผล จำนวนเลือดที่คนไข้เสียไป ระยะเวลาการทำ และระยะเวลาการพักฟื้น 4 สิ่งนี้ก็สำคัญมากไม่แพ้กัน และที่ BEQ Clinic โดยนายแพทย์ดนัย ธรรมพิบาล เราได้พัฒนาเทคนิคปลูกผมที่เหมาะสมสำหรับคนไข้ติดเชื้อโดยเฉพาะ ส่วนจะเป็นอย่างไรต้องติดตามกันนะครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่า สาเหตุหลักของผมหลุดล่วง อันเป็นสาเหตุของศีรษะล้าน-เถิก ก็คือ เจ้าฮอร์โมน DHT นั่นเอง ดังนั้นทุกคนจึงได้รับผลกระทบ ส่วนจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมส่วนบุคคลนั่งเอง สำหรับผู้ที่ติดเชื้อ HIV ก็ไม่มีข้อยกเว้น ในยุคปัจจุบันที่การแพทย์ก้าวหน้ามาไกล มียาต้านไวรัสมากมายหลายขนาน ทำให้ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ไม่ต่างกับคนทั่วไป ปัจจุบันมีคนไข้ที่ติดเชื้อ HIV ที่ห่วงใยภาพลักษณ์ รวมถึงต้องการเพิ่มความมั่นใจ สอบถามเข้ามากันมากมายว่า “ปลูกผมได้หรือไม่”

คำตอบก็คือ “ได้” ครับแต่ว่าจะต้องแจ้งให้หมอทราบก่อนว่าติดเชื้อ เพื่อที่หมอจะได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับปลูกผม และอุปกรณ์ป้องกัน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของตัวผู้ป่วย และทีมแพทย์นั่นเองนะครับ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับโรค HIV และข้อควรระวังกันนะครับ

รู้จักโรค HIV และ AIDs

โรคติดเชื้อเอชไอวี (HIV) คือ โรคจากการที่ร่างกายได้รับเชื้อไวรัส HIV ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ (AIDS, Acquired Immunol Deficiency Syndrome หรือ Acquired Immune Deficiency Syndrome) ซึ่งทั่วโลกเริ่มรู้จักโรคเอดส์ ประมาณปี ค.ศ. 1981 ทั้งนี้การติดเชื้อไวรัสเอชไอวี มีหลายวิธีการในการแพร่ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อจากแม่สู่ลูก การติดจากเลือด หรือแม้กระทั่งการติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์

เชื้อไวรัสเอชไอวีคืออะไร ? เชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV ย่อมาจากคำว่า Human Immunodeficiency Virus) เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในกลุ่มรีโทรไวรัส (Retrovirus) และอยู่ในตระกูล เลนติไวรัส (Lentivirus family) เชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามลักษณะทางพันธุกรรม ได้แก่ เอชไอวี-1 (HIV-1) และเอชไอวี-2 (HIV-2) ทั้งสองชนิดสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในมนุษย์ได้ โดยเอชไอวี-1 พบมากกว่าและจะพบในผู้ป่วยในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา และส่วนกลางของทวีปอัฟริกา ในขณะที่ เอชไอวี-2 จะพบในผู้ป่วยของประเทศอินเดีย และอัฟริกาตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ อาการ และการดำเนินโรคของเชื้อทั้งสองชนิดคล้ายคลึงกัน

หลักในการวินิจฉัยโรค

เพราะว่า HIV ยังไม่มียารักษา แปลว่า เมื่อติดเชื้อแล้ว เลือดจะแสดงผลเป็น HIV+ อยู่เสมอ ทำให้เราต้องเช็คผ่านทางค่า VL และ CD4 แทน

Viral Load (VL) หมายถึง จำนวนไวรัส HIV ในกระแสเลือด ดังนั้นยิ่งน้อยก็จะยิ่งดี โดยควรมีค่าเป็น Undetectable หรือก็คือน้อยกว่า 20 ตัวต่อเลือด 1 CC

CD4 หมายถึง เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง(ในหลายๆประเภท) ซึ่งเป็นเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อติดเชื้อ HIV เชื้อ HIV จะใช้ CD4 เป็นฐานการผลิต แพร่กระจายเชื้อต่อไปอีก ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายเราอ่อนแอลง เพราะไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆได้ ดังนั้นค่า CD4 ยิ่งมีมากก็ยิ่งดีครับ

CD4 นับเป็นจำนวนเซลล์ต่อเลือด cu mm. ค่าปกติอยู่ที่ประมาณ 538-922 (อ้างอิงตามสภากาชาดไทย) และหากมีค่า CD4 น้อยกว่า 200 ก็ถือเป็น Aids zone มีความเสียงสูงขึ้นที่จะติดเชื้อฉวยโอกาสต่างๆ แต่เป็นการยากที่จะคำนวนความเปลี่ยนแปลงดังนั้นจึงมีค่า อีกค่าหนึ่งที่เรียกว่า %CD4 หรือก็คือ ในจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวทุกประเภทรวมกัน นับได้ว่ามี เซลล์ CD4 นี้อยู่กี่เปอร์เซ็นต์ ค่าปกติแล้ว (สภากาชาดไทย) ควรอยู่ระหว่าง 26-40 เมื่อตรวจเลือดกับคลินิก แพทย์จะช่วยวินิจฉัยว่าพร้อมสำหรับการปลูกผมหรือไม่ดังนั้นไม่ต้องกังวลนะครับ

ข้อควรระวังในการปลูกผม ของผู้ป่วย HIV

               ต้องยอมรับว่าการปลูกผมทำให้เกิดแผลจำนวนมาก(หลายพันแผล) ดังนั้นความสะอาดและปลอดเชื่อจึงมาเป็นอันดับแรก แต่สิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือขนาดของแผล จำนวนเลือดที่คนไข้เสียไป ระยะเวลาการทำ และระยะเวลาการพักฟื้น 4 สิ่งนี้ก็สำคัญมากไม่แพ้กัน และที่ BEQ Clinic โดยนายแพทย์ดนัย ธรรมพิบาล เราได้พัฒนาเทคนิคปลูกผมที่เหมาะสมสำหรับคนไข้ติดเชื้อโดยเฉพาะ ส่วนจะเป็นอย่างไรต้องติดตามกันนะครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

Facebook
Twitter
LinkedIn
Facebook
Twitter
LinkedIn
Share the Post:

Related Posts

Rejuvenation Therapy

การดูแลตัวเอง ก่อน-หลัง ปลูกผม

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะปลูกผม สิ่งแรกที่ต้องทราบเลยก็คือ ก่อนปลูกผมต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพื่อให้การปลูกผมดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด รวมไปถึงหลังปลูกผมเราต้องดูแลอย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพ และตรงตามความต้องการของคนไข้ให้มากที่สุด เ

Read More

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ครับ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์

    ซึ่งเป็นคุกกี้ประเภทที่จดจำสิ่งที่ผู้ใช้บริการเลือกหรือตั้งค่าบนเว็บไซต์เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ภาษา ฟ้อนต์และรูปแบบการนำเสนอ ข้อมูลต่าง ๆ ที่ตรงความต้องการเฉพาะบุคคลให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้นตามการตั้งค่าที่เลือกไว้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

Save